ดาวพระเคราะห์คู่-คู่ครอง-ความรัก กามารมณ์

ดาวพระเคราะห์คู่-คู่ครอง-ความรัก กามารมณ์

ท่านอาจารย์บรรเทา จันทรศร(อุตรภัทร์) ท่านกล่าวว่า เรื่องที่เกี่ยวกับโหราศาสตร์ไทย ที่คนอยากรู้มากที่สุด คือเรื่องคู่ครอง คนรักและกามารมณ์ ท่านอาจารย์ท่านได้นำคำกลอนจากอาจารย์ปู่นวม แห่งวัดสังเวชวิการาม ท่านเป็นโหรยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ตอนต้น มาถ่ายทอดต่อเพื่อเป็นความรู้ในการพยากรณ์ดวงชาตา เป็นความรู้พื้นฐานเท่านั้น แต่ในการวิเคราะห์ดวงชาตาจะต้องนำดังกล่าวมาวิเคราะห์ว่าดาวดวงนั้นเป็นดาวเจ้าเรือนอะไร มาสถิตราศีอะไร เรือนอะไร เป็นธาตุ ชั้นอะไร ในธาตุ ๔ ชั้น คือ ธาตุชั้น ๑ อสีติธาตุ ให้คุณมาก ธาตุ ชั้น ๒ ธาตุคู่มิตร ให้คุณ ธาตุชั้น ๓ ธาตุเป็นกลาง ให้ผลกลาง ๆ ธาตุชั้น ๔ ธาตุคู่ศัตรู ให้โทษแก่เจ้าชาตา ในการพยากรณ์ตามหลักของท่านอาจารย์บรรเทา จันทร์ศร(ุอุตรภัทร์) ให้ถือหลักว่า “เรือนชาตาเป็นตัวเรื่อง ดาวเจ้าเรือนชาตาเป็นตัวแสดงเรื่อง” เรือนชาตาทั้งหมดมี ๑๒ เรือน ฉะนั้น เรื่องที่จะพยากรณ์ก็มี ๑๒ เรื่อง ครอบคลุมทุกเรื่องในชีวิตชุดที่ ๗ “อาทิตย์จันทร์เรือนครูอาจารย์ว่า ถ้าทำการวิวาห์มักจะร้าย” หาก “พระเคราะห์คู่ที่มีอยู่ดังกล่าวนี้ ตกที่ปัตนิวุ่นวายใหญ่ ตกสหัชชะกัมมะยิ่งเร้าใจ ตลอดวัยทั้งสามตามเวลา เป็นนิจเป็นประเป็นกาลีว่าไม่ดี เป็นอุจจาวิลาสมูละดีหนักหนา ตกตนุพันธุและลาภา เทพวิวาห์ให้ดีสุขีเอย”ท่านอาจารย์บรรเทา จันทรศร(อุตรภัทร์) ท่านกล่าวว่า เรื่องที่เกี่ยวกับโหราศาสตร์ไทย ที่คนอยากรู้มากที่สุด คือเรื่องคู่ครอง คนรักและกามารมณ์ ท่านอาจารย์ท่านได้นำคำกลอนจากอาจารย์ปู่นวม แห่งวัดสังเวชวิการาม ท่านเป็นโหรยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ตอนต้น มาถ่ายทอดต่อเพื่อเป็นความรู้ในการพยากรณ์ดวงชาตา เป็นความรู้พื้นฐานเท่านั้น แต่ในการวิเคราะห์ดวงชาตาจะต้องนำดังกล่าวมาวิเคราะห์ว่าดาวดวงนั้นเป็นดาวเจ้าเรือนอะไร มาสถิตราศีอะไร เรือนอะไร เป็นธาตุ ชั้นอะไร ในธาตุ ๔ ชั้น คือ ธาตุชั้น ๑ อสีติธาตุ ให้คุณมาก ธาตุ ชั้น ๒ ธาตุคู่มิตร ให้คุณ ธาตุชั้น ๓ ธาตุเป็นกลาง ให้ผลกลาง ๆ ธาตุชั้น ๔ ธาตุคู่ศัตรู ให้โทษแก่เจ้าชาตา ในการพยากรณ์ตามหลักของท่านอาจารย์บรรเทา จันทร์ศร(ุอุตรภัทร์) ให้ถือหลักว่า “เรือนชาตาเป็นตัวเรื่อง ดาวเจ้าเรือนชาตาเป็นตัวแสดงเรื่อง” เรือนชาตาทั้งหมดมี ๑๒ เรือน ฉะนั้น เรื่องที่จะพยากรณ์ก็มี ๑๒ เรื่อง ครอบคลุมทุกเรื่องในชีวิต๑. จากคำกลอนดังกล่าว ท่าน อ.บรรเทา จันทรศร (อุตรภัทร์) อธิบายเพิ่มเติมว่าด้วย คู่ดาวอาทิตย์ (๑) คู่กับดาว จันทร์ (๒)บทกลอนที่ว่า “อาทิตย์จันทร์เรือนครูอาจารย์ว่าถ้าทำการวิวาห์มักจะร้าย” การตีความหมาย ดาวทิตย์ (๑) ตัวตน ศักดิ์ศรี เกียรติยศ ความเป็นผู้นำ ดาวอาทิตย์(๑) คำจำกัดความว่า ยศศักดิ์ทายอาทิตย์ เป็นสัญลักษณ์ของเกียรติยศความเชื่อมั่นในตนเอง ดวงชาตาใดที่ดาวอาทิตย์(๑) ถึงลัคนาส่วนมากจะเป็นคนรักเกียรติรักศักดิ์ศรี เป็นคนชื่อมั่นในตนเองสูง ไม่ค่อยฟังใคร จนดูเหมือนเป็นค่อนข้างดื้อ ดาวจันทร์ (๒) คู่ครอง ความรัก อารมณ์ ความสัมพันธ์ ดาวจันทร์(๒) ตามคำกลอนที่ว่า รูปจริตทายจันทร์ จากคำกลอนนี้ มีคำที่สำคัญ(Keyword) จำนวน ๒ คำ คือคำว่า รูป กับคำว่า จริต คำว่า รูปร่าง หมายถึงเป็นคนมีรูปร่างสวยงาม หล่อเหลา เป็นคนมีเสน่ห์ คำว่าจริต หมายถึง เป็นคนมีกิริยามารยาทดี การเดิน การนอน การนั่ง เรียบร้อย น่ารัก ท่านอาจารย์สิงห์โต สุริยาอารักษ์ ท่านกล่าว หากเปรียบกับต้นไม้ ดาวจันทร์(๒) เปรียบเสมือนกับแก่น หมายถึง เป็นคนมีกลิ่นหอม เป็นคนมีเสน่ห์สำหรับเพศตรงข้าม คนที่มีดาวจันทร์(๒) ถึงลัคนาเป็นพยัคฆนาม หมายถึงเสือโคร่ง เป็นคนที่จิตใจไม่แน่นอน บางครั้งก็ดี บางครั้งก็ร้ายอาจจะทำร้ายคนใกล้ชิดได้ ดาวจ้นทร์(๒) เป็นดาวประเภทราคะจริต หมายถึง เป็นคนรักสวยรักงาม ทันแฟชั่น เป็นคนทันสมัยตามยุคตามสมัยเมื่อ อาทิตย์–จันทร์ สัมพันธ์กัน ร่วมราศีกัน เป็น “คู่ตรงข้าม” ตามธรรมชาติ (สุริยัน–จันทรา) คำว่า "สุริยัน" หมายถึง ดวงอาทิตย์ และ "จันทรา" หมายถึง ดวงจันทร์ เมื่อรวมกันเป็น "สุริยันจันทรา" จึงหมายถึง "พระอาทิตย์และพระจันทร์" หรือดวงอาทิตย์และดวงจันทร์นั่นเอง มักส่งผลเรื่องความรัก–ครอบครัวเด่นชัด ในเชิงความหมายเชิงสัญลักษณ์ มักใช้เพื่อสื่อถึง ความสมบูรณ์ครบถ้วน (เพราะมีทั้งกลางวัน–กลางคืน)๒. ถ้าดาวอาทิตย์(๑)ร่วมราศีกับดาวจันทร์(๒)อยู่ ภพ(ปัตนิ / สหัชชะ / กัมมะ) ความรัก–การแต่งงาน “มักจะร้าย” → ไม่ราบรื่น, มีปัญหาในชีวิตคู่ คู่ครองมักแตกต่างกันมากในด้านฐานะ, ความคิด, หรือไม่อาจอยู่ร่วมกันยาวนาน อาจแต่งงานเร็วแต่เลิกร้างไว ความสัมพันธ์สั้น, อาจมีมือที่สามเข้ามา ทำให้ชีวิตคู่มีปัญหา

โดยเฉพาะดาวอาทิตย์(๑) และดาวจันทร์(๒) ในดวงชาตากำเนิด มีองศาไม่เกิน ๓ องศา พระจันทร์(๒) ดับ คำว่า ดาวจันทร์ ดับ คือจันทร์เข้าไปกุมอาทิตย์เต็มที่มีระดับองศาใกล้กับดาวอาทิตย์ภายใน ๓ องศา มักเรียกจุดพิเศษนี้ว่า “จุดอามาวสี” หากพระจันทร์ วันแรม ๑๕ ค่ำถึงวันขึ้น ๑ ค่ำ เป็นวันที่พระอาทิตย์(๑) และพระจันทร์(๒) ร่วมราศีเดียวกัน เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเป็นวันอามาวสี วันพระจันทร์ดับ(แรม ๑๕ ค่ำ) เป็นวันที่ห้ามประกอบการมงคลใด ๆ ในวันสิ้นเดือนเป็นอันขาด ถือว่าเป็นวันสูญวันดับ คนใดที่เกิดในข่ายวันอามาวสี เป็นวันที่พระอาทิตย์และพระจันทร์ร่วมราศีเดียวกัน หากมีองศา ไม่เกิน ๓ องศา ๒๐ ลิปดา ถือว่าเป็นวันพระจันทร์ดับ คนใดที่เกิดในระยะนี้ ชีวิตมักมีปัญหาอุปสรรคคอยเบียดเบียนชะตาใดที่เกิดมาในช่วงที่จันทร์ดับ ชีวิตมักจะเกิดโรคภัยไข้เจ็บรบกวนอยู่เสมอ ๆ เป็นบุคคลที่เลี้ยงยาก มักพลัดพลาดจากบิดามารดา เมื่อเติบโตในการหาเลี้ยงชีวิตมักต้องต่อสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ อย่างหนัก จึงจะสามารถบันลุผลคุณงามความดีนี้ไปได้ หากดาวอาทิตย์(๑)ร่วมราศีกับดาวจันทร์(๒)อยู่ใน ภพ(ปัตนิ / สหัชชะ / กัมมะ) ความรัก–การแต่งงาน “มักจะร้าย” ไม่ราบรื่น, มีปัญหาในชีวิตคู่ คู่ครองมักแตกต่างกันมากในด้านฐานะ, ความคิด,ทัศนะคติไม่ตรงกัน หรือไม่อาจอยู่ร่วมกันยาวนาน อาจแต่งงานเร็วแต่เลิกร้างไว ความสัมพันธ์สั้น, อาจมีมือที่สามเข้ามา ทำให้ชีวิตคู่มีปัญหาสรุปให้เป็นลำดับดังนี้อาทิตย์ (๑) ร่วม จันทร์ (๒)อยู่ในภพ ปัตนิ / สหัชชะ / กัมมะความหมายหลักความรัก–การแต่งงานไม่ราบรื่น ความสัมพันธ์มักสั้น แต่งงานเร็ว เลิกร้างเร็ว มีปัญหาความเข้าใจ คู่ครองมักแตกต่างกันมากทั้ง ฐานะ–ความคิด–ทัศนคติ ความสัมพันธ์ขาดความมั่นคง มักมีเรื่องให้ห่างเหินหรือแตกแยกอุปสรรค–มือที่สาม อาจมีบุคคลอื่นเข้ามาแทรกแซง ทำให้ชีวิตคู่ไม่สงบสุข ต้องประสบปัญหาความรักบ่อยครั้งผลจากจันทร์ดับ (อามาวสี) ถ้า อาทิตย์–จันทร์ กุมกันใกล้ (ไม่เกิน ๓°๒๐′) เรียกว่า “จันทร์ดับ” ผู้ที่เกิดวันอามาวสี (แรม ๑๕ ค่ำ–ขึ้น ๑ ค่ำ) มักมีอุปสรรคหนัก ชีวิตต้องต่อสู้ดิ้นรนกว่าจะประสบผลสำเร็จ มีโรคภัยเบียดเบียน สุขภาพไม่สมบูรณ์ พลัดพรากหรือห่างไกลจากบิดามารดา เป็นบุคคล “เลี้ยงยาก” ต้องมีความอดทนสูงผลต่อชีวิตสมรสโดยตรง เมื่อจันทร์ดับในภพ ปัตนิ กระทบคู่ครองอย่างแรง ชีวิตคู่มักแตกแยก ไม่ยืนนาน เมื่อจันทร์ดับในภพ สหัชชะ ปัญหามาจากญาติ พี่น้อง เพื่อนฝูง เข้ามาแทรกในชีวิตคู่ เมื่อจันทร์ดับในภพ กัมมะ คู่ครอง/ความรักมีผลต่อหน้าที่การงาน นำความวุ่นวายให้สรุปอาทิตย์–จันทร์ร่วมกันในปัตนิ/สหัชชะ/กัมมะ → เรื่องความรัก–คู่ครอง มักร้าย ถ้าเป็นวันจันทร์ดับ (อามาวสี) และองศาใกล้กันมาก โทษจะหนักเป็นพิเศษผลคือ ชีวิตคู่ไม่มั่นคง, ความรักสั้น, มีปัญหามือที่สาม, คู่ต่างฐานะ–ต่างความคิด เจ้าชาตามักต้องใช้ความเพียรพยายามสูง กว่าจะตั้งหลักชีวิตได้กล่าวสั้น ๆ คือ เจ้าชาตาชะตาที่มี อาทิตย์–จันทร์ร่วมในภพคู่/การงาน โดยเฉพาะในวันจันทร์ดับ จะเป็น “ดวงคู่มีปัญหา–ความรักไม่ราบรื่น” ต้องต่อสู้มากกว่าคนทั่วไปครับ๓. ถ้าดาวอาทิตย์(๑)ร่วมราศีกับดาวจันทร์(๒)อยู่ตนุ / พันธุ / ลาภะ โดย เฉพาะหากคนใด เกิดตั้งแต่วันขึ้น ๘ ค่ำถึงวันแรม ๘ ค่ำ เป็นวันที่พระจันทร์เข้มแข็ง ยิ่งเกิดระหว่างวันขึ้น ๑๕ ค่ำ ถึงแรม ๑ ค่ำ เป็นเวลาที่พระอาทิตย์(๑) และพระจันทร์(๒) เล็งกัน เป็นวันพระจันทร์เพ็ญ คนที่เกิดในวันดังกล่าว ถือว่าได้เกณฑ์ดีเป็นพิเศษ สามารถคุ้มภัยอันตรายต่าง ๆ ได้ เป็นชาตาที่เมตตามหานิยม เรียกว่า ปูรณจันทร์ เป็นช่วงที่พระจันทร์เข้มแข็งยิ่งถ้าดาวอาทิตย์(๑)ร่วมราศีกับดาวจันทร์(๒) กลับเป็น “คู่ครองเสริมบารมี” ความรักทำให้เจ้าชาตามั่นคงในชีวิต การแต่งงานนำความสุข ความรุ่งเรือง ครอบครัวช่วยเกื้อกูลชื่อเสียงและเกียรติยศ เป็นลักษณะ “เทพวิวาห์” มีคู่แล้วชีวิจเจริญรุ่งเรืองสรุปความหมายอย่างเป็นระบบดังนี้ดาวอาทิตย์ (๑) ร่วมดาวจันทร์ (๒)ตกในภพสำคัญภพตนุ (ลัคนา/ตัวตน) เจ้าชาตาเป็นคนเด่น มีบารมี บุคลิกสง่า มีคนยอมรับ คู่ครอง/ครอบครัวสนับสนุน ทำให้ชีวิตก้าวหน้าภพพันธุ (ครอบครัว/ที่อยู่อาศัย/รากฐาน) บ้าน–ครอบครัวมั่นคง ได้เกียรติยศและชื่อเสียงผ่านวงศ์ตระกูลหรือผู้ใหญ่ ชีวิตมีรากฐานแข็งแรง เป็นที่รักของญาติพี่น้องภพลาภะ (โชคลาภ/มิตรสหาย/สังคม) ได้เพื่อนผู้ใหญ่หรือผู้มีชื่อเสียงอุปถัมภ์ มีโชคลาภจากสังคมและการคบหา คู่ครองช่วยเสริมความสัมพันธ์และการงานความเข้มแข็งของพระจันทร์ (๒)วันขึ้น ๘ ค่ำ – วันแรม ๘ ค่ำ → พระจันทร์สว่างและมีพลังเจ้าชาตามีเสน่ห์ เมตตามหานิยมวันขึ้น ๑๕ ค่ำ – วันแรม ๑ ค่ำ (วันเพ็ญ) → พระจันทร์เต็มกำลัง และ เล็งกับพระอาทิตย์ ได้เกณฑ์ “ปูรณจันทร์” ดาวจันทร์เข้มแข็งที่สุด ส่งผลให้มีเมตตามหานิยมสูง ป้องกันภัยอันตราย ทำให้เป็นที่รักของผู้คน มีชื่อเสียงและความสำเร็จเด่นชัดสรุปความหมายเมื่อ อาทิตย์ (๑) ร่วม จันทร์ (๒) ในภพ ตนุ–พันธุ–ลาภะ โดยเฉพาะถ้าเกิดในช่วง วันเพ็ญ (ปูรณจันทร์) จะถือว่า เจ้าชาตาได้พลังแห่ง ชื่อเสียง + ความรักใคร่ + เกียรติยศ คู่ครอง ครอบครัว หรือมิตรสหาย เป็นแรงสนับสนุนสำคัญ มีเสน่ห์ เป็นที่รักใคร่เมตตาของผู้คน สามารถ คุ้มครอง–ป้องกันภัย ให้เจ้าชาตาปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง เรียกได้ว่าเป็น ชาตามีเมตตามหานิยม มีชื่อเสียง และได้รับการอุปถัมภ์ค้ำจุนจากสังคม๔. ถ้าดาวอาทิตย์(๑)ร่วมราศีกับดาวจันทร์(๒) หากได้ตำแหน่ง อุจจาวิลาส / เกษตร ความหมายร้ายจะพลิกเป็นคุณ คู่ครองเสริมชีวิตให้เด่นในสังคม ได้คู่ที่เป็นคนดี มีเกียรติ, ส่งเสริมเกียรติยศของเจ้าชาตา ดาวอาทิตย์ (๑) ร่วมราศีกับดาวจันทร์ (๒) ปกติแล้วเรียกว่า “สุริยัน–จันทรา” ร่วมกัน มักหมายถึง ครอบครัว–คู่ครอง–ชื่อเสียง แต่บางตำราก็เตือนว่า ถ้ารวมกันโดยไร้กำลัง จะเกิด “อาทิตย์ดับจันทร์” ทำให้ ความสัมพันธ์หม่นหมอง, ขัดแย้ง, หรือคู่ครองไม่สมบูรณ์แต่หากดาว อาทิตย์–จันทร์ คู่นี้ได้ ตำแหน่งใหญ่ เช่น “อุจจาวิลาส” หรือ “เกษตร” พลังร้ายจะ “พลิกกลับ” เป็น พลังส่งเสริมอย่างยิ่ง ความหมายในเชิงพยากรณ์ ด้านคู่ครอง ได้คู่ที่ดี มีเกียรติ ฐานะดี หรือมีชื่อเสียงในวงสังคม ด่สยเกียรติยศ คู่ครองช่วยเปิดทาง ส่งเสริมเจ้าชาตา ทำให้เจ้าชาตาได้เป็นที่ยอมรับ ได้เกียรติในวงการ ชีวิตสมรส – เป็นคู่ที่ช่วยกันสร้างฐานะและชื่อเสียงร่วมกัน ไม่ใช่คู่ที่ฉุดรั้ง ภาพรวมชีวิต – อาทิตย์เป็นพลังของชื่อเสียง/อำนาจ จันทร์เป็นพลังของใจ/ผู้คน การได้ตำแหน่งดี หมายถึง มีผู้คอยสนับสนุน ทั้งในบ้านและนอกบ้าน กล่าวง่าย ๆ คือ จากเดิมที่อาทิตย์–จันทร์ร่วมกันอาจตีความเป็นเงา–แสง กดทับกัน แต่ถ้าอยู่ในตำแหน่งสูง ก็กลายเป็น “มีคู่เกียรติ–คู่ส่งเสริม” ส่งเสริมให้เจ้าชาตามีความเจริญรุ่งเรืองด้านคู่ครอง ชีวิตสมรส และชีวิตโดยรวม

Read more

คำพยากรณ์ดาวเกตุ(๙) ในดวงเดิมและดวงจร ของอาจารย์อรุณ เทศถมทรัพย์

คำพยากรณ์ดาวเกตุ(๙) ในดวงเดิมและดวงจร ของอาจารย์อรุณ เทศถมทรัพย์

คำพยากรณ์พระเกตุประจำราศีในดวงชาตากำเนิดและดวงชาตาจร ของท่าน อ. อรุณ เทศถมทรัพย์ ท่านได้ให้คำพยากรณ์ดังนี้ ๑. ราศี " เมษ " พระเกตุประจำธาตุ เป็นอุจจาวิลาศกำเนิดหมาย พระครูโหราจารย์ท่านทำนาย ผู้นั้นจะได้ถึงที่พึ่งตน มีผู้ช่วยชูชุบอุปถัมภ์ จะจุนค้

ความหมายของดาวมฤตยู(๐)

ความหมายของดาวมฤตยู(๐)

ดาวมฤตยู(๐) หรือดาวยูเรนัส(Uranus) สถิตในเรือนภพต่าง ๆ จะมีความหมายอย่างไร ความหมายของดาวมฤตยู(๐) หรือ ดาวยูเรนัส (Uranus) ดาวมฤตยู(๐) หรือ ดาวยูเรนัส (Uranus) ดาวมฤตยู เป็นดาวเคราะห์ที่ใช้เลข ๐ เป็นเครื่องหมาย ท่านบูรพาจารย์ท่านได้ให้คำพยากรณ์เกี่ยวกับดาวมฤตยูไว้ว่า

ความสำคัญของดวงนวางค์จักร

ความสำคัญของดวงนวางค์จักร

ดวงนวางค์จักรสำคัญต่อโหราศาสตร์ไทยอย่างไร ในการตรวจสอบดวงชาตาตามระบบโหราศาสตร์ไทย ปกติเราจะใช้ ดวงราศีจักร (หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “ดวงอีแปะ”) เป็นพื้นฐานในการพยากรณ์เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดกับเจ้าของดวงชะตา แต่ในความเป็นจริงนั้น การใช้ดวงราศีจักรเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถบอกคุณภาพที

“ศุกร์ราหูหรือจันทร์กับศุกรา มักเคล้าคู่โจราระวังภัย”

“ศุกร์ราหูหรือจันทร์กับศุกรา มักเคล้าคู่โจราระวังภัย”

ท่านอาจารย์บรรเทา จันทรศร(อุตรภัทร์) ท่านกล่าวว่า เรื่องที่เกี่ยวกับโหราศาสตร์ไทย ที่คนอยากรู้มากที่สุด คือเรื่องคู่ครอง คนรักและกามารมณ์ ท่านอาจารย์ท่านได้นำคำกลอนจากอาจารย์ปู่นวม แห่งวัดสังเวชวิการาม ท่านเป็นโหรยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ตอนต้น