ดวงเมืองไทย ในขณะดาวเสาร์(๗) ให้โทษกับดวงเมืองไทย มีดาวอะไรที่ค้มโทษได้ ทำให้เมืองไทยรอดพ้นจากเหตุการณ์ร้าย ๆ

ดวงเมืองไทย ในขณะดาวเสาร์(๗) ให้โทษกับดวงเมืองไทย มีดาวอะไรที่ค้มโทษได้ ทำให้เมืองไทยรอดพ้นจากเหตุการณ์ร้าย ๆ ในขณะที่ดาวเสาร์(๗) ให้โทษกับดวงเมืองไทย
ท่านอาจารย์เชย บัวก้านทอง เคยดำรงตำแหน่งกรรมการและอาจารย์สอนวิชาโหราศาสตร์ไทย ณ สมาคมโหรแห่งประเทศไทย ท่านได้กล่าวไว้ในคัมภีร์เกล็ดโหร หากในช่วงที่เจ้าชาตามีเคระห์ร้าย จะมีดาวอะไรคุ้มโทษได้บ้าง ท่านอาจารย์ได้กล่าวไว้ว่า ดาวเคราะห์ที่คุ้มโทษได้ ท่านบูรพาจารย์ ท่านได้แต่งคำประพันธุ์ไว้ มีดังต่อไปนี้
โดยเฉพาะคำประพันธ์ที่ว่า
ความหมาย ดาวอาทิตย์ (๑), จันทร์ (๒), อังคาร (๓), พุธ (๔), ศุกร์ (๖), เสาร์ (๗), ราหู (๘) ให้โทษ พฤหัส (๕) คุ้มโทษได้
ดาวเมืองไทย ตั้งแต่วันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๘ ดาวพฤหัส(๕) จรในปี ๒๕๖๗ - ๒๕๖๙ จะจรในอยู่ใน ๓ ราศี คือ ราศีพฤษภ ตั้งแต่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๗ -๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ดาวพฤหัส(๕) ในดวงชาตาเดิมเป็นดาวเจ้าเรือนศุภะและเป็นดาวเจ้าเรือนวินาสน์ สถิตราศีธนู ธาตุไฟ
ความหมายโดยรวมของ “ศุภะ” ในดวงเมือง: ภพศุภะคือ “ภพแห่งธรรมะ” จึงแทนภาพรวมของ ศาสนจักร ศาสนสถาน พระสงฆ์ ผู้นำจิตวิญญาณ และการยึดมั่นในหลักธรรมของประชาชน การศึกษาในระดับสูง: ครอบคลุม มหาวิทยาลัย ครูบาอาจารย์ระดับสูง ปราชญ์ นักคิด นักปราชญ์ทางศีลธรรม กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม: แทนภาพของ กฎหมายที่ยึดหลักธรรมะ ความยุติธรรม รวมถึง ผู้พิพากษา ผู้ทรงคุณธรรมในกระบวนการยุติธรรม การต่างประเทศ: รวมถึง สัมพันธไมตรี การทูต ความสัมพันธ์กับนานาประเทศ และภาพลักษณ์ของชาติในสายตาชาวโลก
คำว่า “วินาสน์” ในดวงเมือง ภัยลับ / ข้าศึกลับ / การบ่อนทำลายชาติจากภายใน ขบวนการใต้ดิน ศัตรูที่แฝงอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ การจารกรรม / สายลับ / การล้มล้าง สถานที่ลี้ลับ / ต่างแดน / การลี้ภัย ผู้อพยพ, คนเร่ร่อน, หรือการหลบหนีจากบ้านเมือง การลักลอบขนของผิดกฎหมายจากนอกประเทศ ความเจ็บป่วยเรื้อรังของชาติ ปัญหาซึมลึกของสังคม เช่น คอร์รัปชันที่ฝังราก, ยาเสพติด, ความเสื่อมทางศีลธรรม ความสูญเสียที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ ภัยธรรมชาติแบบไม่ทันตั้งตัว, โรคระบาด, อุบัติเหตุหมู่ กิจกรรมลับของรัฐ หน่วยข่าวกรอง, คดีความมั่นคง, คุกลับ, งบลับ
ดาวเมืองไทย ตั้งแต่วันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๘ ดาวพฤหัส(๕) จรในปี ๒๕๖๗ - ๒๕๖๙ จะจรในอยู่ใน ๓ ราศี คือ ราศีพฤษภ ธาตุดิน ตั้งแต่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๗ -๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ดาวพฤหัส(๕) สถิตราศีพฤกษภ ดาวพฤหัส(๕) ในดวงชาตาเดิมเป็นดาวเจ้าเรือนศุภะและเป็นดาวเจ้าเรือนวินาสน์ สถิตราศีธนู ธาตุไฟ ตั้งแต่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๗ -๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ดาวพฤหัส(๕) สถิตราศีพฤกษภ ธาตุดิน ฉะนั้น ดาวพฤหัส(๕) เป็นธาตุ ชั้น ๓ ธาตุเป็นกลาง ตรวจสอบคุณภาพของดาวพฤหัส(๕) จรในดวงนวางค์จักรจร ได้ตำแหน่งประ ดาวพฤหัส(๕) เป็นประในราศีกันย์ ซึ่งมีดาวพุธ(๔) เป็นดาวเจ้าเรือนเหมือนดาวพฤหัส(๕) ในราศีเมถุน ท่านบูรพาจารย์กล่าวว่า เป็นดาวพฤหัส(๕) สู้ครูและขาดที่พึ่ง ความหมายก็คือ เจ้าชาตาจะเป็นคนฉลาดแกมโกง มีไหวพริบเฉียบแหลมในทางการมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว บางบูรพาจารย์บอกว่า เป็นผู้มีกลโกงบันลือโลก มีความเฉลียวฉลาดมากกว่าครู จึงเรียกว่า สู้ครู คือมีความฉลาด มีสติปัญญาในการโกงแบบสุดยอดที่ครูต้องยอมแพ้ ครูส่วนใหญ่จึงไม่กล้าสั่งสอนคนประเภทนี้ จึงเป็นคนที่ไม่สามารถพึ่งพาครูได้ คนที่มีดาวพฤหัส(๕) ในราศีกันย์ จะมีประสบการณ์แบบมีเล่ห์เหลี่ยมมาก เชื่อในประสบการณ์มากกว่าตำรา อุปนิสัยไม่ชอบเป็นนักวิชาการ ไม่ชอบอะไรที่ต้องอาศัยกฏเกณฑ์และหลักเกณฑ์มาก ๆ แต่จะเป็นคนที่สามารถนำประสบการณ์ที่ผ่านมาใช้เป็นบทเรียนในการแก้ปัญหามากกว่าใช้วิชาความรู้ หากมีดาวราหู(๘) ได้ตำแหน่งที่เด่นและส่งกำลังถึงลัคนา จะเป็นนักเลงการพนันชั้นเซียนหาตัวจับยาก ในเรื่องด้านจิตใจแล้วดาวพฤหัส(๕) ในราศีกันย์ ส่วนมากจะมีเล่ห์เหลี่ยมในการพลิกแพลง แต่จะมีคุณธรรมและศีลธรรมดีกว่าดาวพฤหัส(๕) ในราศีเมถุน
การพยากรณ์ ดวงเมืองไทย ในช่วงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๗ – ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๘ โดยใช้หลักโหราศาสตร์ไทย
สรุปดาวสำคัญในช่วงเวลาดังกล่าว: ดาวพฤหัส (๕): เป็น เจ้าเรือนศุภะ (ธรรมะ ศาสนา กฎหมาย ความยุติธรรม สัมพันธไมตรีต่างประเทศ) และเป็น เจ้าเรือนวินาสน์ (ภัยลับ ความพินาศ ความเสื่อมที่มองไม่เห็น) จรเข้าสถิตราศีพฤษภ ธาตุดิน = ภพกดุมภะ (การเงิน ความมั่งคั่ง รายได้ของประเทศ) ทับดาวอังคาร (๓) = เจ้าเรือนตนุ (ประชาชน) และเจ้าเรือนมรณะ (ความตาย ความขัดแย้ง) ทับดาวเกตุ (๙) = ด้านลี้ลับ จิตวิญญาณ บารมีแฝง ตำแหน่งในนวางค์: พฤหัส (๕) ได้ “ตำแหน่งประ” ในราศีกันย์ → คุณภาพกลางค่อนไปทางลบ โดยเฉพาะเชิง “ประสบการณ์เหนือวิชา”
วิเคราะห์โดยภาพรวม: ๑. ศุภะจรสู่กดุมภะ: ดาวเจ้าเรือนศุภะ (ธรรมะ ศาสนา การต่างประเทศ) ย้ายเข้าสู่เรือนกดุมภะ หมายถึง ความมั่งคั่งของชาติสัมพันธ์กับศาสนา/คุณธรรม/กฎหมายและต่างประเทศ อาจมีการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจผ่านความร่วมมือกับต่างประเทศ (ศุภะ) การเงินประเทศได้รับอานิสงส์จาก "บุญเก่า" เช่น ทรัพย์สมบัติหรือผลประโยชน์ที่สั่งสมไว้
๒. พฤหัส (๕) ทับอังคาร (๓) และเกตุ (๙) ทับดาวอังคาร (๓) ประชาชนเคลื่อนไหว ความไม่พอใจทางเศรษฐกิจ อาจมีการประท้วงหรือความรุนแรง ทับดาวเกตุ(๙) บารมีลี้ลับ, ศาสนจักร, ผู้มีอำนาจทางธรรมะ – ร่วมพฤหัส(๕) อาจเกิด "รัฐธรรมวินิจฉัย" หรือผู้มีธรรมะเข้าแทรกแซง
การที่ดาวพฤหัส(๕)จรทับดาวอังคาร(๓) ทับดาวเกตุ(๙)ทับกันนี้อาจหมายถึง: การขัดแย้งของ “พลังศีลธรรม” กับ “พลังการต่อสู้/ต่อต้าน” การใช้ ธรรมะ/กฎหมาย เป็นเครื่องมือควบคุมหรือกำจัดฝ่ายตรงข้าม บางกรณีหมายถึง “บุคคลสำคัญผู้ถือธรรมะ” เข้ามามีบทบาทต่อเศรษฐกิจหรือความขัดแย้งของชาติ คุณภาพดาวพฤหัส (๕) ณ ขณะนี้: ธาตุ: ดิน = ธาตุชั้น ๓ → ธาตุเป็นกลาง → “ให้ผลไม่เต็มที่” ตำแหน่งนวางค์: ประ ในราศีกันย์ = คุณภาพปานกลางค่อนไปทางไม่มั่นคง หมายถึง “การตีความศีลธรรมในเชิงผลประโยชน์” การใช้กฎหมายหรือหลักธรรมแบบพลิกแพลง ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ คำพยากรณ์โดยสรุป (๓๐ เม.ย. ๒๕๖๗ – ๑๓ พ.ค. ๒๕๖๘): “เป็นช่วงที่ประเทศไทยจะมีการเคลื่อนไหวเรื่องการเงินโดยอ้างธรรมะ/กฎหมาย/วาทกรรมคุณธรรม ขณะเดียวกันกลับมีความขัดแย้งแฝงระหว่างศรัทธาและพลังปะทะในเชิงเศรษฐกิจ อาจมีผู้นำฝ่ายศาสนา หรือคนที่อ้างคุณธรรมเข้ามากำหนดทิศทางของรัฐและสังคมอย่างชัดเจน แต่แนวโน้มคือเป็นการเคลื่อนไหวเชิงประสบการณ์ มากกว่ายึดหลักการบริสุทธิ์เต็มที่ และอาจเกิดการเสียหายจากความหวังดีที่ขาดหลักความเป็นจริง”
๒. ดาวพฤหัส(๕) ในดวงชาตาเดิมเป็นดาวเจ้าเรือนศุภะและเป็นดาวเจ้าเรือนวินาสน์ สถิตราศีธนู ธาตุไฟ วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๘ - ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๘ สถิตราศีมิถุน เดินปกติ ธาตุลม ภพสหัชชะ ดาวพฤหัส(๕) จรเป็นธาตุ ชั้น ๒ ธาตุคู่มิตร ให้คุณแก่ประเทศชาติ ดาวพฤหัส(๕) จรทับดาวมฤตยู(๐) เล็งดาวพฤหัส(๕) เดิม เล็งดาวเสาร์(๗) เจ้าเรือนกัมมะ
ความหมายของ “ภพสหัชชะ” ในดวงเมือง สื่อมวลชน วิทยุ โทรทัศน์ อินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย การโฆษณา ความเห็นของมวลชน, ความรู้สึกนึกคิดของประชากร, ทัศนคติของคนส่วนใหญ่ การเดินทาง การจราจร ระบบขนส่งมวลชน ความสะดวกในการสื่อสาร ชุมชน กลุ่มเคลื่อนไหวเล็ก ๆ NGO, กลุ่มผู้ใช้แรงงาน การปลุกกระแส เคลื่อนไหวทางการเมือง การจัดม็อบ อินเทอร์เน็ต โทรคมนาคม การรวบรวมข่าวสาร ข่าวกรองระดับท้องถิ่น
ภพกัมมะ (เรือนที่ ๑๐) ใน ดวงเมือง มีความหมายลึกซึ้งและทรงพลังมาก เพราะเป็นภพแห่ง “หน้าที่ ความรับผิดชอบ และชื่อเสียงของประเทศ” สะท้อนถึง บทบาทของรัฐ การบริหารประเทศ โครงสร้างอำนาจ และทิศทางการพัฒนา นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี หน่วยงานที่มีหน้าที่ปกครองและบริหาร ยุทธศาสตร์ประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม เกียรติภูมิ ชื่อเสียงของประเทศในสายตาโลก โครงการใหญ่ โครงสร้างพื้นฐาน การปฏิรูปสังคม เศรษฐกิจ กลุ่มทุนใหญ่ อุตสาหกรรมชั้นนำ แนวโน้มเศรษฐกิจมหภาค วุฒิภาวะ วิสัยทัศน์ ความเด็ดขาดของผู้นำ ชะตากรรมรวมหมู่ในด้านก้าวหน้า/เสื่อมถอยของรัฐ
๑. พฤหัส (๕) จรภพสหัชชะ กระแสการเรียนรู้ของประชาชนเพิ่มขึ้น ข้อมูลความรู้เผยแพร่ง่าย (ผ่านโซเชียลมีเดีย อินเทอร์เน็ต สื่อทางเลือก) ข้อมูลความรู้เผยแพร่ง่าย (ผ่านโซเชียลมีเดีย อินเทอร์เน็ต สื่อทางเลือก) สื่อมวลชนมีบทบาทเชิงคุณธรรมมากขึ้น เช่น นำเสนอความจริง มีจรรยาบรรณ มีแนวโน้มเกิด “ปราชญ์ชาวบ้าน” หรือ “นักวิชาการรากหญ้า” ที่มีอิทธิพลในวงสื่อ
ผลดีของพฤหัส (๕) จรในธาตุคู่มิตร (ภพสหัชชะ): มวลชนตื่นตัวด้านปัญญา ประชาชนหันมาสนใจการศึกษานอกระบบมากยิ่งขึ้น การใช้ “ความรู้” เป็นเครื่องมือต่อสู้ ไม่ใช่อารมณ์ “อาจารย์ออนไลน์”, “อินฟลูเอนเซอร์เชิงวิชาการ” จะมีอิทธิพลสูง สื่อมวลชน–โซเชียลมีเดียมีบทบาทในเชิงสร้างสรรค์ สื่อเริ่มนำเสนอเนื้อหาที่มีสาระ สร้างปัญญา รายการเชิงสังคม–กฎหมาย–คุณธรรม จะมีผู้ติดตามมาก ความรู้กระจายเร็วขึ้น ด้วยเจตนาเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดี กลุ่มเคลื่อนไหวรากหญ้าได้รับพลังสนับสนุน NGO, กลุ่มชาวบ้าน, ผู้ใช้แรงงาน อาจได้รับความรู้จากนักวิชาการ หรือพระสงฆ์ผู้มีปัญญา เกิดการจับมือกันระหว่าง “ปัญญาชน–ประชาชน” ความคิดสร้างสรรค์ด้านกฎหมาย ศาสนา และศีลธรรม เข้าถึงชุมชน อาจเกิดการรณรงค์เชิงกฎหมายใหม่ เช่น กฎหมายเพื่อสิ่งแวดล้อม หรือสิทธิของผู้ถูกลืม การตีความศาสนาในเชิงเสรี–เปิดกว้างมากขึ้น
ในช่วง ๑๔ พ.ค. – ๑๘ ต.ค. ๒๕๖๘ ประเทศไทยจะเข้าสู่ยุคที่ประชาชนมี ‘ความรู้’ เป็นพลังหลัก สื่อสารผ่านความจริงและปัญญา ความเปลี่ยนแปลงที่ดีจะเริ่มจากกลุ่มเล็ก ๆ แต่ลุกลามไปในระดับประเทศ ด้วยพลังของความเข้าใจ ไม่ใช่เพียงอารมณ์ การเมืองภาคประชาชนจะเคลื่อนไหวเชิงเหตุผลมากขึ้น ผู้รู้จะมีบทบาทสูง และจะกลายเป็นที่พึ่งของสังคม”
“ในช่วงกลางปี ๒๕๖๘ ประเทศไทยจะเข้าสู่ช่วง ‘ปฏิวัติทางความรู้และศีลธรรมในระดับมวลชน’ ความรู้ระดับสูงจากศาสนา กฎหมาย และปราชญ์จะถูกส่งผ่านสื่อเพื่อสร้างการตื่นรู้ของประชาชน ข้อมูลลับบางประการของรัฐหรือองค์กรศาสนาอาจถูกเปิดโปง เกิดความสั่นคลอนจากม็อบ หรือสื่อรากหญ้า แต่นำไปสู่การปรับปรุงระบบที่เน้นคุณธรรมมากขึ้น ผู้นำทางปัญญาจะเป็นแรงผลักดันสำคัญของการเปลี่ยนแปลงสังคม”
๒. พฤหัส (๕) ทับมฤตยู (๐) การเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ ด้านข่าวสารและสื่อ ความคิดใหม่อุบัติอย่างรวดเร็ว มีผลสะเทือนวงกว้าง เกิด “แพลตฟอร์มใหม่” หรือ “ผู้นำความคิดใหม่” ที่ไม่ใช่รัฐ อาจมีการ เปลี่ยนแปลงกฎระเบียบด้านสื่อ หรือการเข้าควบคุมข้อมูล เสี่ยงเกิดเหตุการณ์ "ข้อมูลหลุด/แฉ/เปิดโปง" หรือ "ไวรัลที่สะเทือนรัฐบาล"
“ดาวพฤหัส (๕) ทับดาวมฤตยู (๐)” ถือเป็นปรากฏการณ์สำคัญทางโหราศาสตร์ เพราะเป็นการ ผสานพลังของ "ครูผู้ประเสริฐ" (๕) กับ "เทพแห่งการปฏิวัติ-เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว" (๐) ซึ่งผลลัพธ์นั้น แรง-ฉับพลัน-ลึกซึ้ง พฤหัส (๕) ทับมฤตยู (๐) ในภพสหัชชะ (เรือนที่ ๓) การปฏิวัติทางการสื่อสาร, ระบบข่าวสาร, โซเชียลมีเดีย การเผยแพร่ “ความรู้ใหม่-แนวคิดใหม่” ที่สะเทือนโครงสร้างความเชื่อเก่า เกิด “นักปราชญ์สายฟ้าแลบ” หรือ “สื่อสายแฉ” ที่นำปัญญาผสมพลังพลุ่งพล่าน เปลี่ยนแปลงกะทันหันด้านศาสนา / กฎหมาย / ระบบราชการ อาจมีการตีความกฎหมายแบบแหวกแนว หรือเปลี่ยนแปลงองค์กรด้านศาสนา ศาสนจักร/คณะสงฆ์ อาจถูกรื้อหรือถูกตั้งคำถามจากวงกว้าง
พฤหัสในตำแหน่งธาตุคู่มิตร (ธาตุลม) + มฤตยูธาตุเดียวกัน = ให้ผลแรง แต่ในเชิงโครงสร้าง ความเปลี่ยนแปลงจะส่งเสริมวิวัฒนาการ ไม่ใช่ล้มแบบรุนแรง แต่ผู้ที่ยึดติดกับของเก่าจะ ต้านไม่ไหว/ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
"พฤหัส (๕) ทับมฤตยู (๐) ในภพสหัชชะของดวงเมืองไทย จะทำให้เกิดการปฏิวัติด้านความคิดและข้อมูลข่าวสารอย่างชัดเจน ประชาชนจะเข้าถึงความรู้ที่เคยถูกปิดบัง เกิดปราชญ์ใหม่ ผู้นำความคิดใหม่ผ่านสื่อ กระแสต่อต้านความเชื่อเดิมจะรุนแรงขึ้น และจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงด้านกฎหมาย ศาสนา และบทบาทของปัญญาชนในสังคมไทย”
๓. พฤหัส (๕) เล็งเสาร์ (๗) ภพกัมมะ ประชาชนใช้สื่อท้าทายอำนาจรัฐโดยตรง การวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลมีมากขึ้น (ทั้งเชิงเหตุผลและเชิงศรัทธา)ความตึงเครียดระหว่าง “ฝ่ายธรรมะ” กับ “ฝ่ายโครงสร้างรัฐที่ล้าหลัง” ผู้บริหารหรือรัฐบาลอาจมีภาพลักษณ์ล้าสมัย เทียบกับความตื่นตัวของสังคม หากรัฐบาลพยายามควบคุมสื่อ จะถูกต่อต้านมาก
เมื่อ "พฤหัส (๕)" เล็ง "เสาร์ (๗)" พฤหัส (๕) = ความรู้ ความถูกต้อง ความยุติธรรม เสาร์ (๗) = ความตึงเครียด โครงสร้างแข็ง ความทุกข์ ความอดทน เกิดความตึงเครียดระหว่าง “ฝ่ายบริหาร” กับ “ฝ่ายวิชาการ–ศาสนา–ภาคประชาชน” ฝ่ายรัฐถูกตั้งคำถามเรื่อง “ศีลธรรม–ความยุติธรรม” จากสื่อหรือผู้นำทางปัญญา กระแสกดดันให้ “ปฏิรูป/เปิดเผยข้อมูล” ภายในโครงสร้างรัฐ อาจมีกรณีสำคัญเกี่ยวกับกฎหมาย รัฐธรรมนูญ หรือการตัดสินระดับประเทศ สื่อเผยแพร่ข้อมูลที่ท้าทายอำนาจรัฐ โดยอ้างอิง “ความถูกต้องตามธรรมะ
“ในช่วงที่พฤหัส (๕) จรเล็งเสาร์ (๗) ที่ภพกัมมะ จะเกิดแรงกดดันอย่างมีนัยสำคัญระหว่างฝ่ายอำนาจรัฐกับภาคประชาชนหรือกลุ่มปัญญาชนที่เรียกร้องความยุติธรรมและธรรมาภิบาล โครงสร้างอำนาจจะถูกตั้งคำถามเชิงหลักการ เช่น การใช้อำนาจโดยไม่ชอบ การบริหารที่ขาดคุณธรรม หรือการละเลยหลักกฎหมาย ขณะเดียวกัน รัฐเองอาจตึงเครียด ต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญเชิงนโยบาย เช่น โครงการใหญ่ งบประมาณ หรือการปรับคณะรัฐมนตรี”
เมื่อดาวเสาร์(๗) ให้โทษในดวงเมือง ดาวที่คุ้มภัย คือดาวพฤหัส(๕) ท่านอาจารย์เชย บัวก้านทอง เคยดำรงตำแหน่งกรรมการและอาจารย์สอนวิชาโหราศาสตร์ไทย ณ สมาคมโหรแห่งประเทศไทย ท่านได้กล่าวไว้ในคัมภีร์เกล็ดโหร หากในช่วงที่เจ้าชาตามีเคระห์ร้าย จะมีดาวอะไรคุ้มโทษได้บ้าง ท่านอาจารย์ได้กล่าวไว้ว่า ดาวเคราะห์ที่คุ้มโทษได้ ท่านบูรพาจารย์ ท่านได้แต่งคำประพันธุ์ไว้ มีดังต่อไปนี้
คำกลอนโบราณ
"เจ็ดดาวเคราะห์จรมาหมายฆ้าฟัน ผิว์ครูท่านป้องกันมันขวัญหนี เพราะองค์ครูศักดิ์สิทธิ์เรืองฤทธี ปวงไพรียากมาระอาใจ"
เมื่อมีดาวพระเคราะห์ ๗ ดวง (๑-๗) เคลื่อนจรมาในตำแหน่งไม่ดี (เช่น ดาวฆาต ทับ ลัคนา มรณะ ฯลฯ) แปลว่า “ดาวร้ายรุมทำลายดวงชะตา” หากได้ครูบาอาจารย์ที่ศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง (ดาวพฤหัส(๕) ดาวร้ายเหล่านั้นก็จะ “สูญพลัง” หรือ “กลัว” ไม่อาจทำลายได้ อำนาจของครู/เทพ/สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีฤทธิ์สูง ช่วยป้องกันภัย เหล่าศัตรู ภัยพิบัติ และเคราะห์กรรมทั้งหลายจะ “ยอมถอย” หรือ “พ่ายแพ้” เอง "เจ็ดดาวเคราะห์จรมาหมายฆ้าฟัน เป็นสภาวะ ร้ายแรงของดวงชะตา เช่น: ดาวอังคาร (๓), เสาร์ (๗), ราหู (๘), มฤตยู (๐) มารุมทับลัคนา หรือโยค ดาว ๗ ดวง (๑-๗) ร่วมในเรือนวินาสน์, มรณะ, อริ, หรือโยคพิฆาต พร้อมกัน ดาวกาลกิณีจรทำมุมร้ายกับดาวเจ้าเรือนตนุ ⟶ หมายถึง ดวงเมือง/บุคคลนั้นอยู่ในช่วง เคราะห์หนัก
"เจ็ดดาวเคราะห์จรมาหมายฆ้าฟัน" คือสภาวะดวงชะตาที่ถูกรุมเร้าโดยดาวพระเคราะห์จรทั้งเจ็ดในลักษณะร้าย อาจก่อให้เกิดเภทภัยใหญ่ ทั้งแก่บ้านเมืองหรือบุคคล แต่หากมี “ครูผู้ศักดิ์สิทธิ์” คือดาวพฤหัส(๕) หรือ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์” คุ้มครอง ก็จะสามารถพ้นเคราะห์นั้นได้อย่างน่าอัศจรรย์