เกิดอะไรขึ้นกับดวงเมืองไทย เมื่อดาวราหู(๘)ย้ายราศี เป็นกรณีศึกษาตามระบบธาตุและเรือนชาตา

การพยากรณ์ตามหลักตรีวัย ตั้งแต่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ - ๒๕๗๕ ตรีวัยลาภะ(โชคลาภ รายได้ที่เกิดจากผลของนโยบาย เช่น ภาษี การค้า การส่งออก)(๘) จรสถิตวัยกัมมะ หมายถึงรัฐบาล ซึ่งเป็นตัวแทนของปวงชน ผู้ใช้อำนาจในการบริหารประเทศ โดยมีนโยบายในการ บริหารประเทศ เพื่อกำหนดทิศทางด้านเศรษฐกิจ การเงิน กฏหมาย ระบบราชการ ที่ใช้เป็นกลไกในการบริหารประเทศ
ช่วงพยากรณ์: ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ – ๒๑ เมษายน ๒๕๗๕ ตรีวัย: วัย ลาภะ ใช้ ดาวราหู (๘) เป็นตัวแทนตรีวัย วัยที่จร: วัย กัมมะ เป็นเรื่องของ รัฐบาล, การบริหาร, โครงสร้างอำนาจ, นโยบายหลักของชาติ“ราหู (๘) ตรีวัยลาภะ” จรสถิตวัยกัมมะ ลาภผล ผลประโยชน์ ความหวังของประชาชน จะขึ้นอยู่กับทิศทางการบริหารของรัฐบาล หรือตีความว่า “รัฐบาลมีอำนาจในการกำหนดว่าประเทศจะได้ลาภหรือเสียลาภ” เป็นตัวแปรสำคัญในการชี้ชะตาเศรษฐกิจประเทศ พราะราหูเป็นตรีวัย → ลาภะแบบ “ใหม่” มาจากการลงทุน-เศรษฐกิจดิจิทัล การจัดเก็บภาษีออนไลน์ ถ้ารัฐบาลบริหารผิดพลาด อาจทำให้ลาภผลกลายเป็นโทษ เช่น การลงทุนที่ผิดทิศ, การค้ากับกลุ่มเสี่ยง, หนี้ภาครัฐสูง
จุดเด่น: ประเทศไทยจะมีโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ หากผู้นำมีวิสัยทัศน์และนโยบายชัดเจน มีแนวโน้มได้ลาภจาก “โลกใหม่” เช่น เทคโนโลยี, เศรษฐกิจออนไลน์, นักลงทุนต่างชาติ ความเสี่ยง: หากบริหารผิดทิศ หรือตัดสินใจตามกระแสโลกโดยไม่วางแผนดีพอ อาจเสียลาภ โอกาสเกิด “ลาภลวง” หรือ “นโยบายที่ดูเหมือนให้คุณ แต่ให้โทษในระยะยาว” ความขัดแย้งเชิงนโยบาย เช่น ฝ่ายการเมือง vs ฝ่ายข้าราชการประจำ อาจส่งผลต่อการเดินหน้าประเทศ สรุปคำพยากรณ์ตรีวัย (๒๑ ธ.ค. ๒๕๖๖ – ๒๑ เม.ย. ๒๕๗๕) “ดวงเมืองไทยอยู่ในช่วงตรีวัยลาภะ (๘) จรสถิตวัยกัมมะ หมายถึง โชคลาภและรายได้ของประเทศขึ้นอยู่กับการบริหารของรัฐบาลอย่างชัดเจน หากผู้บริหารมีนโยบายเฉียบคม มองไกล และใช้เทคโนโลยีใหม่สร้างเศรษฐกิจ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกมหาศาล แต่หากใช้อำนาจบริหารผิด หรือแสวงหาลาภทางลัด อาจเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ระดับโครงสร้าง”
การวิเคราะห์ดวงชาตาเดิมของดวงเมืองไทย เฉพาะดาวราหู(๘)
“ดวงเมืองไทย” ที่มี ลัคนาสถิตราศีเมษ และ ดาวราหู (๘) เป็น ดาวเจ้าเรือนลาภะ ไปสถิตราศีมีน ภพวินาสน์ โดยมีดาวร่วมราศีคือ ดาวพุธ (๔) เจ้าเรือน สหัชชะ และ อริ ดาวศุกร์ (๖) เจ้าเรือน กดุมภะ และ ปัตนิ จึงสามารถวิเคราะห์ภาพรวมของ โชคลาภ (ภพลาภะ) ที่ได้จากดาวราหู (๘) ในดวงชาตาเดิม ดังนี้:
๑. ลักษณะของดาวราหู (๘) เจ้าเรือนลาภะ สถิตวินาสน์ ภพลาภะ คือ สิ่งที่ได้ ความหวัง ความนิยม สัมพันธภาพกับมวลชน หุ้น หุ้นส่วน และผลลัพธ์จากการกระทำ วินาสน์ คือ ความลับ ความสูญเสีย สิ่งเร้นลับ ไสยศาสตร์ ต่างประเทศ การพึ่งพาเบื้องหลัง
ราหู (๘) เจ้าเรือนลาภะ ไปสถิตราศีมีนภพ วินาสน์ ลาภผล ความหวัง กำไรของประเทศอาจมาในรูป “เงา” คือ: ลาภลอย หรือผลประโยชน์ที่ไม่ได้ตั้งใจ เช่น รายได้จากนักท่องเที่ยว การลงทุน การคาดหวังแบบไม่ชัดเจน หรือได้รับลาภจากสิ่งที่ไม่ถูกต้อง/ไม่โปร่งใส/ ลาภจากต่างประเทศ / เทคโนโลยี / ความเชื่อใหม่ / เงาทางการเมือง “เงามายาแห่งราหู นำพาสู่ความพลิกผันในชะตา” โชคลาภของดวงเมืองไทยมาพร้อมกับ ม่านหมอกแห่งความไม่แน่นอน” ๒. เมื่อราหู (๘) ร่วมราศีกับดาวพุธ (๔) และศุกร์ (๖) ก) ดาวพุธ (๔) = สหัชชะ + อริ สหัชชะ (๓) = การสื่อสาร สื่อมวลชน ระบบการคมนาคม เครือข่าย และการประสานงาน อริ (๖) = ศัตรู ปัญหา ภัยแฝง ระบบราชการอ่อนแอ โรคภัย ราหูร่วมพุธ = ลาภผลที่เกิดจาก “เครือข่ายเบื้องหลัง” การเจรจาแบบลับๆ การควบคุมข่าว หรือใช้ข้อมูลในทางที่คลุมเครือ อาจเกิด ลาภผลจากความขัดแย้ง การปลุกกระแส หรือปั่นข่าว ที่มีผลประโยชน์แอบแฝง (ข) ดาวศุกร์ (๖) = กดุมภะ + ปัตนิ กดุมภะ (๒) = การเงิน รายได้ ทรัพย์สินของรัฐ ปัตนิ (๗) = คู่สัญญา ความสัมพันธ์ทางการทูต หรือข้อตกลงพันธมิตร ดาวราหู(๘)ร่วมราศีกับดาวศุกร์(๖) หมายถึง ลาภผลของรัฐเกี่ยวข้องกับ เงินนอกระบบ / สัญญาที่คลุมเครือ / หรือพันธมิตรต่างชาติ โอกาสได้ลาภจาก การค้าระหว่างประเทศ, หุ้นต่างชาติ, ข้อตกลงที่ไม่เปิดเผย หรือ การลงทุนสีเทา คำพยากรณ์ “โชคลาภจากราหู (๘)” โชคลาภของประเทศ ที่ดาวราหู (๘) เป็นดาวเจ้าเรือนลาภะ สถิตภพวินาสน์ และร่วมกับดาวพุธ-ศุกร์ หมายถึง “ลาภลับ ลาภจากต่างประเทศ ลาภแฝง” ที่มาจากการสื่อสาร การเจรจาลับ ๆ การค้ากับต่างชาติ และระบบคู่สัญญาที่อาจไม่โปร่งใส หากใช้ด้านบวกคือประเทศจะมีรายได้ล้นหลามจากสิ่งที่ไม่เปิดเผย เช่น เทคโนโลยี การค้าออนไลน์ หรือเงินทุนต่างชาติ แต่หากใช้ด้านลบ จะเกิดการแทรกแซง การทุจริตทางเศรษฐกิจ และผลลัพธ์สุดท้ายประเทศชาตาอาจขาดรายได้ที่คาดว่าจะได้ หรือรายได้ไม่มั่นคงยั่งยืน

การพยากรณ์ดาวราหู(๘) จร เมื่อ ดาวราหู(๘) เจ้าเรือนลาภะ ไปสถิตราศีมีน ธาตุน้ำภพวินาสน์ ร่วมกับดาวพุธ(๔) เจ้าเรือนสหัชชะและเจ้าเรือนอริ ร่วมกับราศีกับดาวศุกร์(๖) ซึ่งเป็นดาวเจ้าเรือนกดุมภะและปัตนิ ตั้งแต่วันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๘- ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๙ จรย้ายราศีจากราศีมีน มาสถิตราศีกุมภ์ ภพลาภะ ธาตุลม ฉะนั้น ดาวราหู(๘) เป็นธาตุ ชั้น ๓ ธาตุเป็นกลาง ตรวจสอบคุณภาพของดาวราหู(๘) จรพบว่าในดวงราศีจักรจร ได้ตำแหน่งเกษตร ในดวงนวางค์จักรจร ได้ตำแหน่งปกิณะกโชค ทำให้ดาวราหู(๘)เปลี่ยนจากธาตุ ชั้น ๓ ธาตุเป็นกลาง กลายเป็นธาตุ ชั้น ๒ ธาตุคู่มิตร ให้คุณแก่ดวงเมืองไทย
พยากรณ์ดาวราหู (๘) จรสถิตภพลาภะ ๑. คุณภาพโดยองค์รวม เกษตรในราศีจักร = ดาวมีพลังเข้มแข็ง เสถียร ปกิณะกโชคในนวางค์จักร = มีความสามารถพิเศษเฉพาะด้าน เจรจาโน้มน้าวได้ดี มีไหวพริบ เอาตัวรอดเก่ง ธาตุชั้น ๒ (คู่มิตร) ดาวให้คุณในระดับดี มีผู้ช่วยเหลือ โอกาส ความสำเร็จ ภพลาภะ (เรือนของราหูเอง) เป็น ภพประจำของดาวราหู(๘) ยิ่งส่งเสริมให้ดาวราหู(๘) เข้มแข็งยิ่งขึ้น ด้านรายได้ของประเทศ ความหมายของ "ลาภะ" ในดวงเมือง ความหวังของชาติ ความคาดหวังของประชาชน ผลประโยชน์ของประเทศ หุ้นส่วนต่างชาติ ความนิยมจากประชาชน รายได้ของรัฐจากระบบดาวราหู(๘) เทคโนโลยี หรืออุตสาหกรรมใหม่
วิเคราะห์ผลกระทบต่อดวงเมือง
ด้านบวก (ให้คุณ) เกิด กระแสผลประโยชน์แบบใหม่ ผ่านโลกดิจิทัล เทคโนโลยี การลงทุนสมัยใหม่ รัฐจะมี รายได้/ผลประโยชน์ จากการใช้กลไกที่ “นอกกรอบ” เช่น ภาษีดิจิทัล, ระบบคลาวด์, เหรียญดิจิทัล, พันธมิตรเทคโนโลยี ต่างชาติลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจที่เกี่ยวกับ AI, การสื่อสาร, ความมั่นคงไซเบอร์ การเมืองอาจใช้ พลังของประชาชนโลกออนไลน์ ดึงดูดคะแนนนิยมได้ ลาภผลจากพันธมิตรลับ/ข้อตกลงเบื้องหลัง ที่ส่งผลดีระยะยาว
"เกิดกระแสผลประโยชน์แบบใหม่ ผ่านโลกดิจิทัล เทคโนโลยี การลงทุนสมัยใหม่" มีความหมายกว้างในเชิงเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะเมื่อใช้ในบริบทของโหราศาสตร์หรือการวิเคราะห์การเปลี่ยนผ่านของระบบรายได้ของประเทศ ซึ่งสามารถอธิบายได้เป็นระบบดังนี้:
กระแสผลประโยชน์แบบใหม่ หมายถึง รูปแบบของรายได้ การเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือผลตอบแทนที่ไม่ได้เกิดจากอุตสาหกรรมดั้งเดิม (เช่น เกษตรกรรม อุตสาหกรรมหนัก การท่องเที่ยว) แต่เกิดจาก นวัตกรรม เทคโนโลยี และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
คำว่า "กระแสผลประโยชน์แบบใหม่" หมายถึง
๑. รายได้ "ผ่านโลกดิจิทัล" การใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น e-commerce, fintech, AI, blockchain รายได้จากการเก็บภาษีเศรษฐกิจดิจิทัล เช่น ภาษี e-Service จากแพลตฟอร์มต่างประเทศ (Google, Facebook, TikTok) ช่องทางรายได้ใหม่ เช่น ครีเอเตอร์, ยูทูบเบอร์, influencer, digital marketing
๒. รายได้จาก"เทคโนโลยี" การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานใหม่ เช่น 5G, Smart City, AI automation รายได้จากธุรกิจด้าน cybersecurity, data center, หรือการให้บริการคลาวด์ นวัตกรรมทางการเงิน เช่น digital wallet, CBDC (เงินดิจิทัลของธนาคารกลาง)
๓. รายได้จาก"การลงทุนสมัยใหม่" การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น หุ้นเทคโนโลยี, คริปโตเคอร์เรนซี, NFT Crowdfunding, venture capital, start-up คำว่า Crowdfunding, Venture Capital, และ Start-up เป็นคำศัพท์ในแวดวงธุรกิจสมัยใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี นวัตกรรม และผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกันในระบบนิเวศของ “การเริ่มต้นธุรกิจใหม่” หรือ “ระบบลงทุนแห่งอนาคต” ดังนี้:
1. Start-up (สตาร์ทอัป)
ความหมาย: ธุรกิจเกิดใหม่ที่มีแนวคิด สร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือสร้างคุณค่า โดยใช้ เทคโนโลยี หรือ รูปแบบธุรกิจที่แตกต่างจากเดิม
ลักษณะสำคัญ: เติบโตเร็ว (high growth) เน้นขยายฐานลูกค้าด้วยต้นทุนน้อ มักเริ่มต้นโดยกลุ่มคนเล็ก ๆ (founders) ใช้เทคโนโลยีเพื่อ “เปลี่ยนโลก” เช่น แอปพลิเคชัน, แพลตฟอร์มออนไลน์, AI ตัวอย่าง: Grab, Shopee, TikTok, Airbnb, Facebook (ยุคแรก)
2. Crowdfunding (คราวด์ฟันดิง)
ความหมาย: การระดมทุนจาก “คนจำนวนมาก” ผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อสนับสนุนไอเดีย ผลิตภัณฑ์ หรือโครงการ
3. Venture Capital (VC) = เงินทุนร่วมลงทุน
กองทุนหรือบริษัทที่ลงทุนในธุรกิจ Start-up ที่มีโอกาสเติบโตสูง โดยแลกกับหุ้นหรือสิทธิในบริษัท ลักษณะ: VC จะพิจารณาว่า Start-up รายใด มีศักยภาพเติบโตเร็วมาก ลงทุนในช่วงต้น แลกกับความเสี่ยงสูง → หวังผลตอบแทนมหาศาล ช่วยให้ Start-up ขยายทีม วิจัยตลาด สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่
ถ้าตีความจากแง่มุมโหราศาสตร์ (ราหูเจ้าเรือนลาภะ)
- ราหู = เทคโนโลยี/ความล้ำสมัย/สิ่งเร้นลับ/ต่างประเทศ
- เมื่อจรอยู่ภพลาภะ (ผลประโยชน์) = กระแสรายได้จากสิ่งใหม่ ไม่ใช่จากอุตสาหกรรมเก่า
- ร่วมดาวพุธ (๔) = ด้านข้อมูล สื่อ การสื่อสาร
- ร่วมดาวศุกร์ (๖) = ด้านการค้า แฟชั่น ความนิยม การจับจ่าย
ทำให้เกิดกระแสผลประโยชน์แบบใหม่ ผ่านโลกดิจิทัล เทคโนโลยี การลงทุนสมัยใหม่ คือ รายได้หรือความมั่งคั่งที่ประเทศหรือประชาชนได้รับจากเศรษฐกิจดิจิทัล เทคโนโลยีล้ำสมัย และการเปลี่ยนพฤติกรรมการลงทุน ซึ่งไม่ยึดกับโครงสร้างเก่า แต่เติบโตบนความเร็ว นวัตกรรม และการเปลี่ยนผ่านสู่โลกอนาคต
เมื่อ “ดาวราหู (๘) เจ้าเรือนลาภะ จรกลับเข้าสู่ภพของตนเอง ได้ตำแหน่งเกษตรและปกิณะกโชค แม้เดิมจะเป็นธาตุเป็นกลาง แต่กลับแปรเป็นธาตุคู่มิตร ดาวจึงให้คุณแก่ดวงเมืองไทยอย่างชัดเจน ทำให้ประเทศมีโอกาสได้ลาภผลใหม่ ๆ จากเทคโนโลยี เศรษฐกิจลับ และการเชื่อมโยงกับต่างชาติอย่างน่าสนใจ หากบริหารอย่างโปร่งใสจะยิ่งเกิดผลดี แต่หากใช้ในทางมืด อาจก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมจากกลุ่มคนที่เสียผลประโยชน์ตามมาได้ในอนาคต”
จากข้อมูลข่าวสาร คาดการณ์ว่าในปี 2568 (2025) เศรษฐกิจของประเทศไทยคาดว่าจะเติบโตในระดับต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดยมีปัจจัยเสี่ยงหลักจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงการบริโภคภายในประเทศที่ชะลอตัว .
การคาดการณ์การเติบโตของ GDP ปี 2568 สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของ GDP ปี 2568 ลงมาอยู่ที่ 1.8% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 2.8% ธนาคารโลก (World Bank) ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของ GDP ของไทยในปี 2568 ลงมาอยู่ที่ 1.6% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 2.9% กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า GDP ของไทยในปี 2568 จะเติบโตที่ 1.8% .(IMF) ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของ GDP สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจ . การบริโภคภายในประเทศที่ชะลอตัว เนื่องจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ . การลงทุนภาคเอกชนที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ . สรุป ในปี 2568 เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะเติบโตในอัตราที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดยมีปัจจัยเสี่ยงหลักจากสงครามการค้าและการบริโภคภายในประเทศที่ชะลอตัว. การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการจัดการกับปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ และการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพ.
การที่รัฐบาลไทยอัดฉีดเงินทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2568 มีแนวโน้มที่จะช่วยพยุงและส่งเสริมการเติบโตของ GDP ได้ในระดับหนึ่ง แม้จะเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงจากภายนอก เช่น มาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
สถานการณ์ปัจจุบันของ GDP ไทยในปี 2568
- GDP ไตรมาส 1/2568 ขยายตัวที่ 3.1%
- คาดการณ์ทั้งปี 2568 ถูกปรับลดลงมาอยู่ที่ 1.3% – 2.3% โดยมีค่ากลางที่ 1.8%
- กระทรวงการคลัง คาดการณ์การเติบโตของ GDP อยู่ที่ 2.1% โดยมีช่วงคาดการณ์ระหว่าง 1.6% – 2.6%
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล รัฐบาลได้อนุมัติการจัดสรรงบประมาณจำนวน 157,000 ล้านบาท (ประมาณ 4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อใช้ในโครงการต่าง ๆ เช่น การบริหารจัดการน้ำ โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและโลจิสติกส์ และสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก กระทรวงการคลังเตรียมอัดฉีดเงินเพิ่มเติมอีก 500,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยเน้นการบริโภค การลงทุน และสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน)
ผลกระทบต่อ GDP การอัดฉีดเงินทุนดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อพยุงการเติบโตของ GDP ให้อยู่ในระดับ 2.1% – 2.6% ซึ่งสูงกว่าค่ากลางที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.8% อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของมาตรการเหล่านี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ความสามารถในการเบิกจ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ และการบรรเทาผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ
ข้อควรระวัง แม้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะช่วยพยุงการเติบโตของ GDP ได้ในระยะสั้น แต่หากไม่มีการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน อาจไม่สามารถรักษาการเติบโตในระยะยาวได้ การเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะจากการกู้ยืมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังในอนาคต สรุป การอัดฉีดเงินทุนของรัฐบาลไทยในปี 2568 มีแนวโน้มที่จะช่วยพยุงและส่งเสริมการเติบโตของ GDP ให้อยู่ในระดับ 2.1% – 2.6% อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของมาตรการเหล่านี้ขึ้นอยู่กับการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพและการจัดการกับปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกอย่างเหมาะสม
#สนใจสมัครเรียนโหราศาสตร์ไทย อย่างเป็นระบบ ตามระบบธาตุและเรือนชาตา ตามหลักของท่านอาจารย์บรรเทา จันทรศร(ุอุตรภัทร์) อาจารย์ฐิ โหราศาสตร์ไทย นำหลักเคล็ดลับการพยากรณ์ตามหลักระบบธาตุของอาจารย์บรรเทา มาใช้ในการวิเคราะห์ทั้งในดวงชาตาเดิม และดวงชาตาจร ทำให้การพยากรณ์ดวงชาตาเกิดความแม่นยำมากในการพยากรณ์ดวงชาตาเดิมและการพยากรณ์ดวงชาตาจร การเชื่อมโยงระหว่างดวงชาตาเดิมกับดวงชาตาจรทำให้คำพยากรณ์ถูกต้องตามความเป็นจริง รวมทั่งสอนในการนำความรู้ทางด้านโหราศาสตร์ไทยไปใช้ในการให้ฤกษ์อีกด้วย เป็นหลักสูตรเดียวที่เรียนครบทั้งการวิเคราะห์ดวงชาตาเดิม การเชื่อมโนงระหว่างดวงชาตาเดิมกับดวงชาตาจร ดวงกาลชาตา รวมทั้งการให้ฤกษ์ต่าง ๆ
อาจารย์จะเปิดสอนรุ่นที่ ๑๘ เริ่มเรียนครั้งที่ ๑ วันอาทิตย์ที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๘ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๑.๐๐ น. เรียนจำนวน ๑๐ อาทิตย์ หลังจากจบการสอนในแต่ละสัปดาห์ผู้เรียนจะได้รับบันทึกการสอน(vdo)และเอกสารประกอบการสอนทางอีเมล์ เพื่อใช้ทบทวนการเรียน ทำให้ผู้เรียนสามารถทำความเข้าใจในเนื้อหาที่เรียนได้ดีอย่างเป็นระบบ สนใจสมัครเรียนรุ่นนี้ให้อินบ๊อก : m.me/arjarnth