คำพยากรณ์ดาวเกตุ(๙) ในดวงเดิมและดวงจร ของอาจารย์อรุณ เทศถมทรัพย์

คำพยากรณ์ดาวเกตุ(๙) ในดวงเดิมและดวงจร ของอาจารย์อรุณ เทศถมทรัพย์

คำพยากรณ์พระเกตุประจำราศีในดวงชาตากำเนิดและดวงชาตาจร ของท่าน อ. อรุณ เทศถมทรัพย์ ท่านได้ให้คำพยากรณ์ดังนี้

๑. ราศี " เมษ " พระเกตุประจำธาตุ เป็นอุจจาวิลาศกำเนิดหมาย

พระครูโหราจารย์ท่านทำนาย ผู้นั้นจะได้ถึงที่พึ่งตน

มีผู้ช่วยชูชุบอุปถัมภ์ จะจุนค้ำยศศักดิ์ให้สูงศรี

จะเป็นปราชญ์ในชาตาปัญญาดี เสียแต่มีนิสัยหลอกกลับกลอกจริง

เจ้าเล่ห์กลคนขยันมารยานัก ทำเป็นรักทำเป็นหวงล่อลวงหญิง

คุณและโทษของพระเกตุเหตุมีจริง อย่าประวิงจงจำถ้อยคำครู”

 พยากรณ์ดาวเกตุ (๙) สถิตราศีเมษ ตามตำราของ อ. อรุณ เทศถมทรัพย์ พร้อมขยายความในเชิงโหราศาสตร์ไทย 

  ความหมายดั้งเดิม (กลอนตำรา)

  • พระเกตุในราศีเมษ = อุจจาวิลาศกำเนิด
  • ผู้มีดาวเกตุสถิตราศีนี้ มัก มีผู้ใหญ่เกื้อหนุน อุปถัมภ์
  • ยศศักดิ์ฐานะจะเจริญสูง มีความรู้ความสามารถ เป็นคนมีปัญญาและชอบศึกษา
  • แต่โทษคือ เจ้าเล่ห์ กลับกลอก หลอกลวงเก่ง
  • มีมารยามาก ทำทีว่ารักหรือหวง แต่จริง ๆ เป็นการล่อลวง
  • คุณและโทษของพระเกตุปรากฏชัด ต้องพิจารณาแยกให้ดี

  ผลเชิงบวก (คุณ)

  1. มีผู้ใหญ่/ผู้เกื้อหนุน → มักเจอผู้ช่วยเหลือในยามคับขัน
  2. ยศศักดิ์สูงขึ้น → เหมาะกับงานที่ต้องพึ่งบารมีหรือชื่อเสียง
  3. ปัญญาเฉียบแหลม → เป็นนักปราชญ์ มีชื่อเสียงทางวิชาการหรือความคิด
  4. ความขยันและมุ่งมั่น → ทำงานหนักได้จริง

  ผลเชิงลบ (โทษ) 

  1. นิสัยเจ้าเล่ห์ กลับกลอก → คนรอบตัวไม่ไว้ใจ อาจถูกมองว่าไม่จริงใจ
  2. ใช้เสน่ห์ทางเพศ/ความสัมพันธ์ → อาจมีเรื่องรักลวงหญิง (หรือชาย) ทำให้เสียชื่อเสียง
  3. ความจริงใจไม่มั่นคง → สร้างความขัดแย้งกับคู่ครอง หุ้นส่วน

  วิเคราะห์เชิงโหราศาสตร์ไทย

  • ราศีเมษ เป็นราศีธาตุไฟ ดาวพระเกตุเป็นธาตุอากาศ เมื่อมาสถิตร่วม → เกิดพลังของ “ไฟ + อากาศ” = ร้อนแรง รวดเร็ว ว่องไว
  • พระเกตุในเมษ = อุจจาวิลาศ ถือว่าเด่นมาก แสดงถึงความสามารถด้าน “วาทศิลป์ ความรู้ ปัญญา และชื่อเสียง”
  • แต่เมื่อเกตุให้ผลด้าน “มายา–สิ่งลี้ลับ” → จึงเกิดด้านกลับคือ เล่ห์กล กลับกลอก

  สรุปสั้น ๆ  ดาวเกตุ (๙) สถิตราศีเมษปัญญา–อุปถัมภ์–ยศศักดิ์ แต่ควรระวัง เล่ห์กล–กลับกลอก–รักลวง

 คำพยากรณ์ ดาวเกตุ (๙) สถิตราศีพฤษภ ตามตำรากลอนของ อ. อรุณ เทศถมทรัพย์  พร้อมขยายความเพิ่มเติม 

๒. แม้ราศี " พฤษภ " พบพระเกตุ มหาอุจจ์อันวิเศษกว่าคนผู้

มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่วิชัยชู จะสมบูรณะลาภท้าวพระยา

และจะเป็นขุนคลังแห่งกษัตริย์ รักษาทรัพย์สมบัติมากหนักหนา

  ความหมายดั้งเดิม (กลอนตำรา)

  • ดาวเกตุ (๙) สถิตราศีพฤษภ → ตำแหน่งมหาอุจจ์ อันสูงสุด
  • “ผู้มีบุญหนัก ศักดิ์ใหญ่” → มีวาสนาเด่นกว่าคนทั่วไป
  • “จะสมบูรณะลาภท้าวพระยา” → ทรัพย์สิน เงินทอง ความอุดมสมบูรณ์จะมาก
  • “จะเป็นขุนคลังแห่งกษัตริย์” → เหมาะกับการดูแลทรัพย์สิน การเงิน การค้าขาย
  • มีชื่อเสียงในฐานะผู้รักษาทรัพย์สมบัติ

  ผลเชิงบวก (คุณ)

  1. มหาอุจจ์ → สถานะสูงสุดของพระเกตุ → เสริมบุญบารมีให้ผู้ชาตานี้ “โดดเด่น–มีอำนาจ–ทรัพย์สินมาก”
  2. วาสนาใหญ่ → ได้เกียรติ ได้เป็นที่พึ่งของคนอื่น
  3. ด้านการเงิน → เกี่ยวข้องกับเงินทอง มักรักษาทรัพย์สินได้ มีโอกาสบริหารการเงิน/ธุรกิจใหญ่
  4. อำนาจบารมี → ได้รับความไว้วางใจจากผู้มีอำนาจ

  ผลเชิงลบ (โทษ)

  • ความมั่งคั่งมาก → อาจมีภาระดูแลทรัพย์สิน มรดก หรือเกิดข้อขัดแย้งเพราะทรัพย์
  • ถูกคาดหวังสูงจากผู้ใหญ่หรือผู้บังคับบัญชา → ทำให้มีแรงกดดัน
  • ระวังความ “หวงทรัพย์” หรือการยึดติดกับวัตถุ

  วิเคราะห์เชิงโหราศาสตร์ไทย

  • ราศีพฤษภ เป็น ราศีธาตุดิน มีความมั่นคง หนักแน่น
  • ดาวพระเกตุเป็นดาวธาตุอากาศ เมื่อมาสถิตธาตุดิน → เกิดพลัง “ดินรองรับอากาศ” คือ บุญบารมีที่มีรากฐานมั่นคง (ทรัพย์–ศักดิ์–วาสนา)
  • เมื่อได้ตำแหน่ง มหาอุจจ์ → แสดงถึงบุคคลที่มีบุญมาก มีโอกาสสูงในชีวิต

  สรุปสั้น ๆ   ดาวเกตุ (๙) สถิตราศีพฤษภทรัพย์–บุญใหญ่–ขุนคลัง ชีวิตมักมั่งคั่ง ร่ำรวย มีวาสนาใหญ่ แต่ควรระวังภาระทรัพย์และความยึดติดในวัตถุ


  พยากรณ์ดาวเกตุ (๙) สถิตราศีมิถุน จากตำรากลอนของ อ. อรุณ เทศถมทรัพย์ พร้อมคำอธิบายเสริม 

๓. ที่ราศี " มิถุน " บุญพระเกตุ ผู้นั้นจะเป็นเหตุด้วยน้องพี่

ญาติวงศ์ริษยาเป็นราคี แต่ก็มีบุญทรัพย์นับอนันต์

  ความหมายดั้งเดิม (กลอนตำรา)

  • ดาวเกตุ (๙) สถิตราศีมิถุน → “บุญพระเกตุ”
  • “จะเป็นเหตุด้วยน้องพี่” → มักมีปัญหาหรือความขัดแย้งกับพี่น้อง ญาติวงศ์
  • “ญาติวงศ์ริษยาเป็นราคี” → ถูกอิจฉา ถูกหมั่นไส้จากคนใกล้ชิด
  • “แต่ก็มีบุญทรัพย์นับอนันต์” → ถึงจะมีศัตรูในวงศ์ญาติ แต่บุญบารมีและทรัพย์สินยังมากมาย

  ผลเชิงบวก (คุณ)

  1. บุญทรัพย์มาก → มีโอกาสได้ลาภหรือทรัพย์สินมหาศาล
  2. บารมีส่วนตัวสูง → แม้คนรอบข้างอิจฉา แต่เจ้าชาตาก็ยังเด่น
  3. ปัญญาทางการเงิน–การค้า → มีหัวคิดในการแสวงหาทรัพย์

  ผลเชิงลบ (โทษ)

  • ญาติพี่น้องริษยา → มีเหตุให้ขัดแย้งกับเครือญาติ อาจถูกกันหรือกีดกัน
  • ถูกอิจฉาในวงสังคม → เมื่อมีทรัพย์มาก คนใกล้ชิดมักไม่ยินดีด้วย
  • ปัญหาจากเครือข่าย → สิ่งที่ควรเป็นที่พึ่งพา กลับกลายเป็นภาระ

 วิเคราะห์เชิงโหราศาสตร์ไทย

  • ราศีมิถุน เป็นราศีธาตุลม ดาวพระเกตุเป็นธาตุอากาศ → ลม + อากาศ = ยิ่งขยายพลังแห่งความเร็ว ปัญญา และความคิด
  • แต่เพราะมิถุนหมายถึง “คู่แฝด–พี่น้อง–เครือญาติ” → เมื่อพระเกตุ (ดาวบุญ–สิ่งลี้ลับ–อิทธิพลเหนือธรรมชาติ) มาสถิต จึงมักให้ผลด้าน “ญาติพี่น้องแตกแยก” พร้อมกับ “มีบุญทรัพย์ใหญ่”

  สรุปสั้น ๆ  ดาวเกตุ (๙) สถิตราศีมิถุนบุญทรัพย์–อิจฉา–ญาติแตกแยก คือชีวิตมีวาสนาและทรัพย์สินมาก แต่ถูกริษยาจากเครือญาติ–พี่น้อง

 คำพยากรณ์ ดาวเกตุ (๙) สถิตราศีกรกฎ ตามบทกลอนของ อ. อรุณ เทศถมทรัพย์ พร้อมขยายความ 

๔." กรกฏ " หมดราคีแม้มีเกตุ จะมีคุณวิเศษแข็งขยัน

จะเรียนรู้วิชาสารพัน มีความหมั่นพากเพียรเล่าเรียนดี

จะปรากฏยศศักดิ์ด้วยความรู้

  ความหมายดั้งเดิม (กลอนตำรา)

  • “หมดราคีแม้มีเกตุ” → พระเกตุในราศีกรกฎไม่ก่อราคีหรือความมัวหมอง
  • “จะมีคุณวิเศษแข็งขยัน” → เจ้าชาตามีความขยัน อดทน มีพลังใจเข้มแข็ง
  • “จะเรียนรู้วิชาสารพัน” → รักการศึกษา สนใจวิชาแขนงต่าง ๆ
  • “มีความหมั่นพากเพียรเล่าเรียนดี” → ความสำเร็จเกิดจากความเพียรไม่ใช่โชคช่วย
  • “จะปรากฏยศศักดิ์ด้วยความรู้” → ได้ยศศักดิ์ ตำแหน่ง หรือชื่อเสียงจากวิชาความรู้

  ผลเชิงบวก (คุณ)

  1. ขยัน–เพียร–ตั้งใจ → ประสบความสำเร็จด้วยความพากเพียรของตน
  2. การศึกษาเด่น → เรียนรู้หลายแขนง ใช้ความรู้สร้างชื่อเสียง
  3. ยศศักดิ์จากวิชา → ได้ตำแหน่ง/ยกย่องเพราะความรู้ความสามารถ ไม่ใช่เพราะเส้นสาย
  4. พระเกตุไม่มัวหมอง → ผลด้านบวกมากกว่าลบ

  ผลเชิงลบ (โทษ)

  • ความเพียรและความขยันอาจทำให้เหนื่อยหรือกดดันตนเอง
  • มีโอกาสยึดติดกับการเรียนหรือความรู้มากจนละเลยด้านอื่นของชีวิต

  วิเคราะห์เชิงโหราศาสตร์ไทย

  • ราศีกรกฎ เป็นราศีธาตุน้ำ → สัญลักษณ์ของ “ครอบครัว–บ้าน–ความรู้สึก–รากเหง้า”
  • ดาวพระเกตุเป็นธาตุอากาศ → เมื่อมาอยู่ในธาตุน้ำ เกิดพลัง อากาศพัดน้ำ → เคลื่อนไหว ทำให้เจ้าชาตา “เรียนรู้–เปลี่ยนแปลง–แสวงหาความรู้”
  • การที่ตำราบอกว่า “หมดราคี” หมายถึง พระเกตุไม่ทำให้เสื่อม แต่กลับส่งเสริมให้เจ้าชาตามีชื่อเสียงจากความรู้

  สรุปสั้น ๆ  ดาวเกตุ (๙) สถิตราศีกรกฎขยัน–เรียนรู้–ยศจากวิชา ชีวิตเด่นเพราะความเพียรและสติปัญญา ได้ยศศักดิ์ด้วยความรู้ ไม่มัวหมอง


 คำพยากรณ์ ดาวเกตุ (๙) สถิตราศีสิงห์ ตามบทกลอนของ อ. อรุณ เทศถมทรัพย์ พร้อมคำอธิบาย 

๕. เพราะเกตุอยู่ใน " สิงห์ " หยิ่งราศี

ชื่อว่าราชาชาติอาจจะมี เกียรติยศศักดิ์ศรีดีจริงจริง

จะไปในที่ใดได้ไม่เสื่อมมรรค ย่อมจะเป็นที่รักแห่งชายหญิง

แต่จะเป็นขี้โรคทุกข์โศกจริง เจ้าโทโสหยิ่งไม่ยอมใคร

  ความหมายดั้งเดิม (กลอนตำรา)

  • “เพราะเกตุอยู่ในสิงห์ หยิ่งราศี” → เมื่อพระเกตุสถิตราศีสิงห์ ทำให้เจ้าชาตาโดดเด่น มีราศีสง่า
  • “ชื่อว่าราชาชาติอาจจะมี เกียรติยศศักดิ์ศรีดีจริงจริง” → มีเกียรติยศสูง อาจได้ตำแหน่งระดับผู้นำ
  • “จะไปในที่ใดได้ไม่เสื่อมมรรค ย่อมจะเป็นที่รักแห่งชายหญิง” → ไปแห่งใดมีคนรักใคร่ เคารพนับถือ
  • “แต่จะเป็นขี้โรคทุกข์โศกจริง เจ้าโทโสหยิ่งไม่ยอมใคร” → โทษคือสุขภาพอ่อน เจ็บป่วยง่าย และมีทิฐิสูง ดื้อ หยิ่ง

  ผลเชิงบวก (คุณ)

  1. สง่าราศี–มีเกียรติ → มีบารมี ดูโดดเด่นในสังคม
  2. ตำแหน่งผู้นำ → มีโอกาสก้าวสู่ตำแหน่งสูง ได้ยศศักดิ์
  3. คนรักใคร่ → ไม่ว่าจะไปที่ใด มักเป็นที่รักและชื่นชม
  4. เสน่ห์ส่วนตัว → มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามหรือคนรอบข้าง

  ผลเชิงลบ (โทษ)

  • สุขภาพไม่แข็งแรง → ขี้โรค เจ็บป่วยง่าย ทำให้ทุกข์โศกใจ
  • เจ้าโทโส–หยิ่ง → มีทิฐิสูง ไม่ยอมใคร ง่ายต่อการขัดแย้ง
  • ดื้อรั้น → ไม่รับฟังความเห็นผู้อื่น

  วิเคราะห์เชิงโหราศาสตร์ไทย

  • ราศีสิงห์ เป็นราศีธาตุไฟ สัญลักษณ์ “ราชสีห์” หมายถึง อำนาจ เกียรติยศ ความเป็นผู้นำ
  • เมื่อพระเกตุ (ดาวบุญ–ความลี้ลับ–สิ่งศักดิ์สิทธิ์) มาสถิตราศีสิงห์ → บุญบารมีทำให้เจ้าชาตา “สง่าดุจราชา”
  • แต่เพราะไฟ + อากาศ (สิงห์ = ไฟ, เกตุ = อากาศ) → ให้พลังแรงมากจน “ร้อนเกินไป” จึงส่งผลเรื่องโทโส–สุขภาพอ่อน

  สรุปสั้น ๆ   ดาวเกตุ (๙) สถิตราศีสิงห์เกียรติ–ผู้นำ–เป็นที่รัก แต่ควรระวัง สุขภาพ–เจ้าโทโส–หยิ่งไม่ยอมใคร


   ดาวเกตุ (๙) สถิตราศีกันย์ จากตำรากลอนของ อ. อรุณ เทศถมทรัพย์

๖. ราศี " กันย์ " นั้นพระเกตุวิเศษนัก เป็นที่รักแห่งญาติสนิทได้

จะสั่งสมสินทรัพย์นับกระไร ทั้งเงินทองข้าไทก็มากมูล

  ความหมายดั้งเดิม (กลอนตำรา)

  • “ราศีกันย์นั้นพระเกตุวิเศษนัก” → พระเกตุในราศีกันย์ให้ผลเด่นชัดมาก
  • “เป็นที่รักแห่งญาติสนิทได้” → ญาติพี่น้อง ญาติมิตรใกล้ชิดให้ความรัก ความเมตตา
  • “จะสั่งสมสินทรัพย์นับกระไร” → มีโอกาสสร้างฐานะ มั่งคั่ง ทรัพย์สินเพิ่มพูน
  • “ทั้งเงินทองข้าไทก็มากมูล” → ไม่เพียงมีทรัพย์ ยังมีบริวารและคนรับใช้มาก

  ผลเชิงบวก (คุณ)

  1. ญาติสนับสนุน → ได้รับความรักใคร่เอ็นดูจากญาติใกล้ชิด
  2. ฐานะมั่นคง → สามารถสะสมทรัพย์สินได้มาก
  3. บริวารมาก → มีผู้ช่วยเหลือ ลูกน้อง บริวาร หรือผู้ตามมากมาย
  4. ความวิเศษของพระเกตุ → เสริมบารมี ชื่อเสียง และการยอมรับ

  ผลเชิงลบ (โทษ)

  • อาจยึดติดกับวัตถุและทรัพย์สินมากเกินไป
  • การมีบริวารมาก → อาจนำความวุ่นวายหรือปัญหามาให้
  • ภาระดูแลทรัพย์–ญาติ–บริวาร ทำให้เหน็ดเหนื่อย

  วิเคราะห์เชิงโหราศาสตร์ไทย

  • ราศีกันย์ เป็นราศีธาตุดิน สัญลักษณ์ “หญิงพรหมจารี” → เน้นความละเอียดรอบคอบ ความเป็นระเบียบ
  • พระเกตุ (ธาตุอากาศ) เมื่อสถิตในดิน → ทำให้ความมั่นคงของดินยิ่งแน่น มีพลังเสริมด้าน การสะสมทรัพย์–ฐานะ–การจัดการ
  • เมื่อได้คำว่า “วิเศษนัก” ในกลอน → แสดงถึงพระเกตุในกันย์ถือว่ามีพลังหนุนมาก

 สรุปสั้น ๆ  ดาวเกตุ (๙) สถิตราศีกันย์ญาติรัก–ทรัพย์มั่งคั่ง–บริวารมาก แต่ควรระวัง ภาระทรัพย์–ยึดติดวัตถุ


 ดาวเกตุ (๙) สถิตราศีตุลย์ จากคำกลอนของ อ. อรุณ เทศถมทรัพย์ พร้อมคำอธิบายเชิงโหราศาสตร์ 

๗.ราศี " ตุลย์ " ผิว์พระเกตุเสด็จอยู่ มักรอบรู้ธรรมาปัญญาหนุน

มีทั้งทรัพย์วาสนาวิชาพูล เพราะเกตุกูลเกื้อเกิดกำเนิดมา

  ความหมายดั้งเดิม (กลอนตำรา)

  • “ผิว์พระเกตุเสด็จอยู่” → เมื่อพระเกตุสถิตราศีตุลย์
  • “มักรอบรู้ธรรมาปัญญาหนุน” → เจ้าชาตามีปัญญา รอบรู้ ทั้งทางโลกและทางธรรม
  • “มีทั้งทรัพย์วาสนาวิชาพูล” → มีทรัพย์สิน วาสนา และวิชาความรู้หนุนชีวิต
  • “เพราะเกตุกูลเกื้อเกิดกำเนิดมา” → เหมือนมีบุญเก่าคอยอุปถัมภ์

  ผลเชิงบวก (คุณ)

  1. ปัญญาและวิชา → เจ้าชาตาเด่นด้านความรู้ รอบรู้ทั้งศาสตร์ศิลป์และธรรมะ
  2. ทรัพย์และวาสนา → ชีวิตมีฐานะ มีลาภผล และผู้สนับสนุน
  3. บุญเก่าหนุน → สิ่งดี ๆ ที่ทำมาในอดีตเกื้อกูลปัจจุบัน
  4. เกตุในตุลย์ → ให้ความสมดุลในชีวิต (ตุลย์ = ตราชั่ง)

  ผลเชิงลบ (โทษ)

  • อาจมั่นใจในปัญญาของตนมากจนไม่รับฟังผู้อื่น
  • มีความลังเลหรือโลเล (เพราะราศีตุลย์ = ธาตุลม เน้นการปรับสมดุล)
  • ภาระการสะสมวิชาและทรัพย์อาจทำให้เหนื่อยใจ

  วิเคราะห์เชิงโหราศาสตร์ไทย

  • ราศีตุลย์ เป็นราศีธาตุลม → เกี่ยวกับความสัมพันธ์ การสมดุล การเจรจา
  • พระเกตุ (ธาตุอากาศ) มาสถิตธาตุลม → เสริมด้าน ปัญญา–การเรียนรู้–ความรู้กว้างไกล
  • ทำให้เจ้าชาตาเด่นด้านวิชาการ กฎหมาย ศาสนา หรือสิ่งที่ต้องใช้ความรู้สูง

  สรุปสั้น ๆ ดาวเกตุ (๙) สถิตราศีตุลย์รอบรู้–ทรัพย์วาสนา–บุญเก่าหนุน แต่ควรระวัง ความลังเล–มั่นใจตนมากเกินไป


 ดาวเกตุ (๙) สถิตราศีพิจิก จากกลอนพยากรณ์ของ อ. อรุณ เทศถมทรัพย์ พร้อมคำอธิบายเพิ่มเติม 

๘. อันราศี " พฤศจิก " พระเกตุเสด็จตั้ง ผู้นั้นหยั่งรู้ธรรมเป็นหนักหนา

เป็นอาจารย์ศิษย์ก็รักและบูชา แต่ใฝ่ตัวสูงกว่าฐานันดร

  ความหมายดั้งเดิม (กลอนตำรา)

  • “พระเกตุเสด็จตั้ง” → พระเกตุสถิตราศีพิจิก
  • “ผู้นั้นหยั่งรู้ธรรมเป็นหนักหนา” → เจ้าชาตามีความเข้าใจลึกซึ้งในหลักธรรม ศาสนา หรือสิ่งลี้ลับ
  • “เป็นอาจารย์ศิษย์ก็รักและบูชา” → มีวาสนาเป็นครูอาจารย์ เป็นที่เคารพศรัทธา
  • “แต่ใฝ่ตัวสูงกว่าฐานันดร” → โทษคือ มักหยิ่งหรือยกตนสูงเกินฐานะจริง

  ผลเชิงบวก (คุณ)

  1. ปัญญาธรรมะ → เข้าใจเรื่องศาสนา ปรัชญา จิตวิญญาณ หรือศาสตร์ลี้ลับ
  2. เป็นครูอาจารย์ → มีบุญในการถ่ายทอดความรู้ ศิษย์รัก ศิษย์เคารพ
  3. บารมีทางจิตวิญญาณ → ผู้คนศรัทธา ยกย่องให้เป็นผู้นำด้านจิตใจ

  ผลเชิงลบ (โทษ)

  • มักมี ทิฐิสูง → ชอบยกตนข่มผู้อื่น
  • หลงอำนาจ–หลงเกียรติ → ทำให้ถูกมองว่าถือตัว
  • อาจห่างเหินจากคนรอบข้าง เพราะความหยิ่งหรือยึดตน

  วิเคราะห์เชิงโหราศาสตร์ไทย

  • ราศีพิจิก เป็นราศีธาตุน้ำ แฝงพลังความลึก ลี้ลับ การเปลี่ยนแปลง (เป็นราศีแห่งการเกิด–ตาย–พลิกฟื้น)
  • ดาวพระเกตุ (ดาวบุญ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ลี้ลับ) มาสถิต → ยิ่งขับพลัง “หยั่งรู้–เหนือธรรมดา”
  • แต่เพราะพิจิกมีพลังเข้มแข็ง มักทำให้ผู้มีพระเกตุที่นี่ “ยกตน–หยิ่ง–ถือเกียรติสูง”

  สรุปสั้น ๆ  ดาวเกตุ (๙) สถิตราศีพิจิกธรรมะลึกซึ้ง–ครูอาจารย์–ศิษย์ศรัทธา แต่ควรระวัง ทิฐิสูง–ยกตนเกินฐานะ

 ดาวเกตุ (๙) สถิตราศีธนู จากกลอนพยากรณ์ของ อ. อรุณ เทศถมทรัพย์ พร้อมขยายความ 

๙. ราศี " ธนู " ที่อยู่แห่งพระเกตุ เป็นเกษตรตามว่าเมธาสอน

จะมีทรัพย์เหลือคณาสถาพร ตระกูลสูงมาแต่ก่อนย้อนทำนาย

และจะมีปัญญารู้รอบคอบ แต่โรคร้ายมักชอบเบียดเบียนหลาย

  ความหมายดั้งเดิม (กลอนตำรา)

  • “ราศีธนูที่อยู่แห่งพระเกตุ เป็นเกษตรตามว่าเมธาสอน” → ดาวเกตุในราศีธนูถือว่า ได้ตำแหน่งเกษตร มีพลังมั่นคง
  • “จะมีทรัพย์เหลือคณาสถาพร” → มีทรัพย์มาก มั่งคั่ง ไม่ขาดแคลน
  • “ตระกูลสูงมาแต่ก่อนย้อนทำนาย” → มักเกิดในตระกูลดี มีชาติตระกูลสูง
  • “และจะมีปัญญารู้รอบคอบ” → ฉลาด รอบรู้ พิจารณาเรื่องต่าง ๆ ได้รอบด้าน
  • “แต่โรคร้ายมักชอบเบียดเบียนหลาย” → โทษคือ มักมีโรคประจำตัวหรือโรคใหญ่เบียดเบียน

  ผลเชิงบวก (คุณ)

  1. ตำแหน่งเกษตร → ดาวมั่นคง ให้คุณมาก
  2. มั่งคั่ง–ทรัพย์มาก → มีฐานะการเงินที่ดี
  3. ตระกูลสูง → ได้เกียรติจากเชื้อสาย วงศ์ตระกูล
  4. ปัญญารอบคอบ → มองการณ์ไกล ฉลาดสุขุม

  ผลเชิงลบ (โทษ)

  • โรคร้ายรุมเร้า → มักมีปัญหาสุขภาพเรื้อรังหรือโรคที่รักษายาก
  • ความกดดันจากวงศ์ตระกูล → บางครั้งถูกคาดหวังสูงจากชื่อเสียงวงศ์
  • แม้มีปัญญาและทรัพย์มาก แต่สุขภาพอาจเป็นข้อด้อยใหญ่

  วิเคราะห์เชิงโหราศาสตร์ไทย

  • ราศีธนู เป็นราศีธาตุไฟ ธรรมชาติเป็นราศีของปรัชญา ศาสนา การแสวงหาความรู้ไกล
  • เมื่อพระเกตุ (ดาวบุญ–สิ่งศักดิ์สิทธิ์–ความลี้ลับ) มาสถิตในตำแหน่ง เกษตร → เสริมความมั่นคงให้บุญบารมี ความรู้ ปัญญา และฐานะ
  • แต่ธาตุไฟของธนู ทำให้พลังพระเกตุร้อนแรงเกินไป → แสดงออกมาเป็นปัญหาสุขภาพ (ไฟเผาผลาญกาย)

  สรุปสั้น ๆ

ดาวเกตุ (๙) สถิตราศีธนูเกษตร–มั่งคั่ง–ตระกูลสูง–ปัญญารอบคอบ แต่ควรระวัง โรคร้าย–สุขภาพเรื้อรัง


 ดาวเกตุ (๙) สถิตราศีมังกร จากกลอนพยากรณ์ของ อ. อรุณ เทศถมทรัพย์ พร้อมคำอธิบาย 

๑๐. " มังกร " มีพระเกตุก็ร่างกาย งามผิวผ่องพรรณรายเลิศ สคราญ

มักชอบชื่นรื่นเริงมหรสพ แต่มักพบเหตุวิบัติพลัดถิ่นฐาน

ไปต่างบ้านต่างเมืองเคืองรำคาญ เกตุกำเนิดก่อการให้เป็นไป

  ความหมายดั้งเดิม (กลอนตำรา)

  • “มีพระเกตุก็ร่างกาย งามผิวผ่องพรรณรายเลิศสคราญ” → เจ้าชาตามีรูปร่างงาม ผิวพรรณดี ดูสง่า
  • “มักชอบชื่นรื่นเริงมหรสพ” → มีใจเริงร่า ชอบความบันเทิง มหรสพ งานรื่นเริง
  • “แต่มักพบเหตุวิบัติพลัดถิ่นฐาน ไปต่างบ้านต่างเมืองเคืองรำคาญ” → มักมีเหตุให้พลัดถิ่น ต้องย้ายถิ่นฐาน หรือพบความไม่ราบรื่นในถิ่นเดิม
  • “เกตุกำเนิดก่อการให้เป็นไป” → เหตุการณ์สำคัญในชีวิตเกิดจากอิทธิพลของพระเกตุ

  ผลเชิงบวก (คุณ)

  1. รูปร่างงาม–สง่า → ผิวพรรณดี บุคลิกดึงดูด
  2. มีเสน่ห์ด้านความบันเทิง → เข้าสังคมง่าย ชอบรื่นเริง สนุกสนาน
  3. บุคลิกสดใส → ทำให้คนรอบข้างชอบพอ

  ผลเชิงลบ (โทษ)

  • พลัดถิ่นฐาน → มักต้องย้ายที่อยู่ ไปต่างบ้านต่างเมือง
  • เหตุวิบัติไม่คาดคิด → มีเรื่องพลิกผันทำให้ต้องเปลี่ยนถิ่นฐานหรือวิถีชีวิต
  • ความฟุ้งเฟ้อ → ชอบความรื่นเริงเกินไป จนอาจเสียเวลา/ทรัพย์

  วิเคราะห์เชิงโหราศาสตร์ไทย

  • ราศีมังกร เป็นราศีธาตุดิน หมายถึง ความมั่นคง ความรับผิดชอบ
  • เมื่อพระเกตุ (ดาวบุญ–สิ่งศักดิ์สิทธิ์–ความลี้ลับ) มาสถิต → ส่งผลให้เจ้าชาตาดูดี มีบุคลิกสง่า แต่เนื่องจากมังกรหมายถึงการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความมั่นคง → พระเกตุจึงให้ผลเป็น “การโยกย้าย–พลัดถิ่น” เพื่อสร้างทางใหม่ในชีวิต
  • พลังอากาศของพระเกตุที่มากระทบดินของมังกร จึงทำให้ “ดินแตก” = การเคลื่อนย้าย เปลี่ยนแปลง

 สรุปสั้น ๆ  ดาวเกตุ (๙) สถิตราศีมังกรรูปร่างงาม–ชอบรื่นเริง–เสน่ห์ทางสังคม แต่ควรระวัง พลัดถิ่น–เหตุวิบัติ–ชีวิตไม่มั่นคงถาวร


 ดาวเกตุ (๙) สถิตราศีกุมภ์ จากกลอนพยากรณ์ของ อ. อรุณ เทศถมทรัพย์ พร้อมคำอธิบาย 

๑๑. ราศี " กุมภ์ "ภูมิพระเกตุท่านว่าขาน เจ้าชาตารำคาญด้วยทุกข์ใหญ่

เป็นกำเนิดเกิดชาตามาแต่ไร แต่ปัญญาว่องไวไหวพริบดี

  ความหมายดั้งเดิม (กลอนตำรา)

  • “ภูมิพระเกตุท่านว่าขาน” → เมื่อพระเกตุสถิตราศีกุมภ์
  • “เจ้าชาตารำคาญด้วยทุกข์ใหญ่” → ชีวิตมีอุปสรรคหรือเคราะห์ใหญ่ ต้องเผชิญความทุกข์อย่างหนัก
  • “เป็นกำเนิดเกิดชาตามาแต่ไร” → เหมือนเจ้าชาตาต้องเผชิญวิบากกรรมติดตัวมาแต่ชาติกำเนิด
  • “แต่ปัญญาว่องไวไหวพริบดี” → แม้เคราะห์มาก แต่เจ้าชาตาก็มีไหวพริบ ปัญญาเฉียบแหลม เอาตัวรอดได้เสมอ

  ผลเชิงบวก (คุณ)

  1. ปัญญาไว–ไหวพริบดี → สามารถแก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว
  2. ทนทุกข์ได้ → ผ่านอุปสรรคใหญ่ ๆ ด้วยความสามารถตนเอง
  3. บุญเก่าคุ้มครอง → แม้จะมีเคราะห์ แต่ไม่ถึงกับสิ้นหนทาง

  ผลเชิงลบ (โทษ)

  • ทุกข์ใหญ่ → ชีวิตเจออุปสรรคหนัก มีวิบากกรรมติดตาม
  • รำคาญใจ–กังวล → ทำให้จิตใจไม่สงบ มักเจอเรื่องกดดัน
  • ภาระมาก → ต้องรับผิดชอบเกินกำลัง

  วิเคราะห์เชิงโหราศาสตร์ไทย

  • ราศีกุมภ์ เป็นราศีธาตุลม หมายถึง ความคิดเสรี มิตรสหาย เครือข่ายสังคม
  • เมื่อพระเกตุ (ดาวบุญ–สิ่งศักดิ์สิทธิ์–ลี้ลับ) มาสถิต → ทำให้ชีวิตเกี่ยวข้องกับเรื่อง “บุญกรรม–วิบาก–เคราะห์ใหญ่” แต่ในขณะเดียวกันก็มอบ ปัญญา–ไหวพริบ–การเอาตัวรอด
  • พลังลมของกุมภ์ บวกกับอากาศของพระเกตุ ทำให้ชีวิตวุ่นวาย แต่ก็ “หมุนแก้ปัญหาได้ไว”

  สรุปสั้น ๆ  ดาวเกตุ (๙) สถิตราศีกุมภ์ทุกข์ใหญ่–เคราะห์กรรม–ไหวพริบดี ชีวิตมีอุปสรรคมาก แต่เจ้าชาตาแก้ไขได้ด้วยปัญญาและความเฉลียวฉลาด

 


 คำพยากรณ์ ดาวเกตุ (๙) สถิตราศีมีน จากกลอนพยากรณ์ของ อ. อรุณ เทศถมทรัพย์ พร้อมคำอธิบายขยายความ 

๑๒. ราศี " มีน " พระเกตุมหาจักร ผู้นั้นมักกล้าหาญไม่คร้านหนี

ทั้งชายหญิงรักใคร่ในความดี สมบัติมีมูลมองปกครองนาน

แต่ว่ามีนิสัยฤทัยมุ่ง มักใฝ่สูงยกตนให้เทียมท่าน

คุณพระเกตุมีแสดงแห่งตำนาน โหราจารย์กล่าวไว้ในคัมภีร์

  ความหมายดั้งเดิม (กลอนตำรา)

  • “ราศีมีน พระเกตุมหาจักร” → พระเกตุในราศีนี้ได้ตำแหน่ง มหาจักร ถือเป็นตำแหน่งสำคัญ มีอำนาจเด่น
  • “ผู้นั้นมักกล้าหาญไม่คร้านหนี” → ใจกล้า ไม่เกรงกลัว ไม่ถอยหนี
  • “ทั้งชายหญิงรักใคร่ในความดี” → มีเสน่ห์ เป็นที่รักของคนทั่วไป เพราะคุณธรรมความดี
  • “สมบัติมีมูลมองปกครองนาน” → มีทรัพย์สมบัติและสามารถรักษา คุมครองไว้ได้
  • “แต่ว่ามีนิสัยฤทัยมุ่ง มักใฝ่สูงยกตนให้เทียมท่าน” → โทษคือ มักทะเยอทะยานเกินไป ชอบยกตนเสมอผู้อื่น
  • “คุณพระเกตุมีแสดงแห่งตำนาน โหราจารย์กล่าวไว้ในคัมภีร์” → ยืนยันถึงคุณอันยิ่งใหญ่ของพระเกตุในตำแหน่งนี้

  ผลเชิงบวก (คุณ)

  1. มหาจักร → เป็นตำแหน่งใหญ่ มีพลังส่งเสริมบุญบารมีอย่างมาก
  2. กล้าหาญ–มั่นใจ → ไม่กลัวอุปสรรค พร้อมสู้
  3. เป็นที่รักของคน → ทั้งชายหญิงรักใคร่ เพราะความจริงใจและคุณธรรม
  4. สมบัติและอำนาจมั่นคง → มีโอกาสสร้างฐานะใหญ่ คงอยู่ได้นาน

  ผลเชิงลบ (โทษ)

  • ทะเยอทะยานสูง → มักยกตนเสมอผู้อื่น
  • ถือศักดิ์ศรีเกินไป → อาจนำไปสู่ความขัดแย้ง
  • ใฝ่สูงเกินกำลัง → ทำให้เหน็ดเหนื่อยหรือล้มเหลวได้หากไม่พอเหมาะ

  วิเคราะห์เชิงโหราศาสตร์ไทย

  • ราศีมีน เป็นราศีธาตุน้ำ มีความอ่อนโยน เมตตา ศรัทธา
  • พระเกตุ (ธาตุอากาศ) เมื่อนั่งตำแหน่ง มหาจักร ในธาตุน้ำ → เสริมให้เจ้าชาตา “กล้าหาญ แต่เมตตา” เหมือนนักบุญนักสู้
  • ผลจึงผสมระหว่าง บารมีด้านคุณธรรม กับ ความทะเยอทะยานทางโลก

  สรุปสั้น ๆ   ดาวเกตุ (๙) สถิตราศีมีนมหาจักร–กล้าหาญ–คนรัก–ทรัพย์มั่นคง แต่ควรระวัง ทะเยอทะยาน–ใฝ่สูง–ยกตนเสมอท่าน

 ตำแหน่งของ ดาวเกตุ (๙) สถิต ๑๒ ราศี

ราศี

ตำแหน่ง / คุณภาพ

ผลดี (คุณ)

ผลเสีย (โทษ)

เมษ

อุจจาวิลาศ

มีผู้เกื้อหนุน ปัญญาดี ยศศักดิ์สูง

เจ้าเล่ห์ หลอกลวง รักลวงหญิง

พฤษภ

มหาอุจจ์

บุญหนัก ศักดิ์ใหญ่ ร่ำรวย เป็น “ขุนคลัง”

ภาระเรื่องทรัพย์มาก

มิถุน

มีทรัพย์มหาศาล

ญาติพี่น้องริษยา ขัดแย้งในตระกูล

กรกฎ

ขยัน เพียร เรียนเก่ง ได้ยศจากวิชา

เหน็ดเหนื่อยจากการทุ่มเท

สิงห์

มีเกียรติ เป็นที่รักของคนทั่วไป

สุขภาพอ่อน ขี้โรค เจ้าโทโส

กันย์

ญาติรัก ใกล้ชิด สะสมทรัพย์ บริวารมาก

ยึดติดวัตถุ

ตุลย์

รอบรู้ธรรมะ ปัญญาดี มีทรัพย์วาสนา

หลงความรู้ มั่นใจตนมากไป

พิจิก

รู้ธรรมะลึกซึ้ง เป็นครูอาจารย์

ใฝ่สูงเกินฐานะ มีทิฐิ

ธนู

เกษตร

ปัญญาเฉียบแหลม ตระกูลสูง ทรัพย์มาก

โรคภัยรุมเร้า สุขภาพไม่ดี

มังกร

รูปร่างงาม ชอบบันเทิง ร่าเริง

พลัดถิ่น ย้ายถิ่นฐาน เจอวิบัติ

กุมภ์

ปัญญาไว ไหวพริบเฉียบ

ประสบทุกข์ใหญ่ อุปสรรคมาก

มีน

มหาจักร

กล้าหาญ มีคนรัก ทรัพย์สมบัติดี

ใฝ่สูง ยกตนเทียบท่าน

หมายเหตุ  คำว่า อุจจาวิลาศ, มหาอุจจ์, เกษตร, มหาจักร เป็นตำแหน่งดาวสำคัญที่โบราณาจารย์ยกไว้ให้ดาวเกตุ (๙) ในราศีต่าง ๆ   ส่วนราศีที่ไม่ได้ระบุตำแหน่งพิเศษ ก็ให้ผลตามลักษณะบุญบารมี–คุณธรรม–ลี้ลับของดาวเกตุ


  คำประพันธ์การพยากรณ์ดาวพระเกตุจร ของ อ. อรุณ เทศถมทรัพย์ ซึ่งท่านมักแต่งเป็นกลอนเพื่อให้จำง่ายและตีความได้สะดวก

๑.  ความหมายของกลอน  

“พระเกตุทับสุริยาดังว่าขาน ถึงแม้นมีหลักฐานสักปานไหน ต้องวิบัติขัดเคืองรำคาญใจ มักจำไกลจากคู่อยู่สำราญ”

  • หาก พระเกตุจรทับอาทิตย์ (๑) → เจ้าชาตาจะเกิดความทุกข์ใจ ขัดเคือง รำคาญในชีวิต
  • แม้จะมีฐานะหรือหลักทรัพย์ดี ก็เกิดอุปสรรคจนเสียความสุข
  • มักมีเหตุให้ ห่างเหินคู่ครอง หรือความรักไม่ราบรื่น

“เจ้าชาตาเป็นสตรีจะมีไข้ ระวังไว้ทับระดูดังว่าขาน หรือระดูทับไข้ใฝ่รุกราน ให้ทำทานปล่อยสัตว์กำจัดภัย”

  • หากเจ้าชาตาเป็นสตรี → ต้องระวัง โรคภัยเกี่ยวกับระดู–ประจำเดือน หรือโรคในช่องท้องมดลูก
  • อาจเกิดอาการเจ็บป่วยเรื้อรังเมื่อพระเกตุจรทับอาทิตย์
  • วิธีแก้เคล็ดตามตำรา → ทำบุญปล่อยสัตว์ ทำทาน เพื่อบรรเทากรรม

  วิเคราะห์เชิงโหราศาสตร์

  • พระเกตุ (๙) = ดาวบุญ–สิ่งศักดิ์สิทธิ์–เคราะห์ลี้ลับ
  • อาทิตย์ (๑) = ตัวตน–เกียรติ–บิดา–สุขภาพ (โดยเฉพาะหัวใจ/โลหิต)
  • เมื่อเกตุจรทับอาทิตย์ → ความสว่าง (๑) ถูกบดบังด้วยเงาแห่งเกตุ = ชีวิตช่วงนั้นมักขุ่นมัว เจ็บป่วย หรือเสียชื่อเสียง
  • สำหรับสุภาพสตรี → อาทิตย์ยังสัมพันธ์กับระบบฮอร์โมน–การให้กำเนิด → จึงตีความออกมาเป็นปัญหาเรื่องระดู/สุขภาพสตรี

  สรุปสั้น ๆ  พระเกตุจรทับอาทิตย์ (๑)ขัดเคือง–ห่างคู่–สุขภาพเสีย

  • ชาย: เครียด รำคาญใจ ชีวิตติดขัด
  • หญิง: ระวังโรคประจำเดือน/มดลูก
  • วิธีแก้: ทำทาน ปล่อยสัตว์ สร้างบุญเพื่อลดเคราะห์

 ๒.  คำพยากรณ์ พระเกตุ (๙) จรต้องจันทร์ (๒) จากคำประพันธ์ของ อ. อรุณ เทศถมทรัพย์  พร้อมคำอธิบาย 

 ความหมายจากกลอน

“พระเกตุต้องจันทราอาภัพโชค ทั้งมีโรคเบียนเบียดเสียดกษัย พึงระมัดระวังข้างจิตใจ จะมีภัย เพราะบุตรภรรยา”

  • พระเกตุจรทับจันทร์ (๒) = ชีวิตอาภัพโชค ไม่ราบรื่น มีอุปสรรค
  • สุขภาพกาย–ใจเสื่อมลง โรคภัยถามหา
  • ต้องระวังด้าน จิตใจ → เกิดความฟุ้งซ่าน ว้าวุ่น ซึมเศร้า หรือหวาดระแวง
  • ภัยที่เกิดขึ้นมักเกี่ยวข้องกับ บุตร–ภรรยา–ครอบครัวฝ่ายหญิง เช่น ปัญหาในบ้าน ความสัมพันธ์สั่นคลอน

  ผลเชิงบวก (คุณ) 

แม้กลอนเน้นโทษ แต่ในแง่หนึ่ง พระเกตุ (๙) คือดาวบุญ → หากเจ้าชาตารู้จักทำบุญ อุทิศส่วนกุศล หรือสร้างกุศลเกี่ยวกับ สตรี–มารดา–เด็กกำพร้า จะช่วยเปลี่ยนเคราะห์ให้เป็นคุณได้

  ผลเชิงลบ (โทษ)

  1. โชคอาภัพ → ลาภผลไม่เด่นในช่วงนั้น
  2. โรคภัยรุมเร้า → โดยเฉพาะโรคทางประสาท–จิตใจ
  3. ภัยจากบุตรภรรยา → ทะเลาะวิวาท หรือต้องเดือดร้อนเพราะคนในครอบครัว

 วิเคราะห์เชิงโหราศาสตร์

  • จันทร์ (๒) = ตัวแทนแม่–ภรรยา–สตรี–จิตใจ–อารมณ์
  • เมื่อพระเกตุ (๙) จรทับจันทร์ → สิ่งศักดิ์สิทธิ์/เคราะห์กรรม มาส่งผลต่อจิตใจและผู้หญิงในชีวิตเจ้าชาตา
  • จึงเกิดเป็นเคราะห์เกี่ยวกับ “ใจ–แม่–เมีย–ลูก” ตามบทกลอน

  สรุปสั้น ๆ พระเกตุจรทับจันทร์ (๒)โชคอาภัพ–จิตใจว้าวุ่น–ทุกข์เพราะบุตรภรรยา วิธีแก้เคล็ด: ทำบุญเกี่ยวกับ มารดา–สตรี–เด็กกำพร้า เพื่อบรรเทาเคราะห์



 คำพยากรณ์ พระเกตุ (๙) จรทับอังคาร (๓) จากคำประพันธ์ของ อ. อรุณ เทศถมทรัพย์ พร้อมคำอธิบาย 

  ความหมายจากกลอน

“พระเกตุจรถึงอังคารอาการหนัก เพื่อนที่รักจะเป็นศัตรูหนา ศัตรูเก่าก่อนนี้จักมีมา จะบีฑาสารพัดให้ขัดเคือง”

  • เมื่อ พระเกตุจรทับอังคาร (๓) → ถือว่า “อาการหนัก”
  • เพื่อนที่เคยรักกัน → พลิกเป็นศัตรู ขัดแย้งกันง่าย
  • ศัตรูเก่าจะหวนกลับมา ก่อเรื่องวุ่นวาย
  • ถูกบีบคั้นทั้งด้านสังคมและการทำงาน เกิดความขัดเคืองใจบ่อย

  ผลเชิงบวก (คุณ)

แม้บทกลอนนี้เน้นด้านโทษ แต่ข้อดีแฝงคือ:

  • ทำให้เจ้าชาตารู้จักระวังตน ไม่ประมาทต่อคนใกล้ชิด
  • หากใช้ ปัญญา–สติ–ศีลธรรม จะเปลี่ยนพลังร้ายให้กลายเป็นแรงผลักดันในการต่อสู้ อดทน

  ผลเชิงลบ (โทษ)

  1. ศัตรูเพื่อนฝูง → เพื่อนกลายเป็นภัย ขัดแย้งง่าย
  2. ศัตรูเก่ากลับมา → เรื่องราวเก่า ๆ หวนกลับมาก่อความเดือดร้อน
  3. ขัดเคืองใจ → สังคม/งานเต็มไปด้วยการปะทะ ความบาดหมาง
  4. อังคารยังหมายถึง คดีความ–การผ่าตัด–อุบัติเหตุ → ช่วงนี้ควรระวังเป็นพิเศษ

  วิเคราะห์เชิงโหราศาสตร์

  • อังคาร (๓) = ดาวแห่งพละกำลัง การต่อสู้ การศึก ศัตรู และอุบัติเหตุ
  • เมื่อพระเกตุ (๙) จรมาทับ → เคราะห์กรรมเก่า (เกตุ) มาปลุกศัตรู (อังคาร)
  • จึงให้ผลด้าน “ศัตรูเก่า–คดีความ–การปะทะ–ภัยอุบัติเหตุ”
  • ถือเป็นจังหวะที่ต้อง ระวังความรุนแรง–อุบัติเหตุเลือดตกยางออก

  สรุปสั้น ๆ

พระเกตุจรทับอังคาร (๓)อาการหนัก–เพื่อนกลายเป็นศัตรู–ศัตรูเก่าหวนคืน–ขัดเคืองรอบด้าน วิธีแก้เคล็ด: ควรทำบุญเกี่ยวกับ ทหาร–ตำรวจ–ผู้บาดเจ็บ–โรงพยาบาล หรือช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อลดแรงเคราะห์จากอังคาร


  พระเกตุ (๙) จรทับพุธ (๔) จากคำประพันธ์ของ อ. อรุณ เทศถมทรัพย์

  ความหมายจากกลอน

“เกตุถึงพุธหยุดลงทุนหมุนไม่ออก ทั้งในนอกยุ่งไข้นัยน์ตาเหลือง อีกสินทรัพย์นับอนันต์พลันหมดเปลือง จะแค้นเคืองเพราะภรรยาและข้าคน”

  • เกตุจรถึงพุธ → การเงินติดขัด การลงทุนหยุดชะงัก “หมุนไม่ออก”
  • “ทั้งในนอกยุ่งไข้นัยน์ตาเหลือง” → มีเคราะห์ทั้งในบ้าน–นอกบ้าน ป่วยไข้ โดยเฉพาะโรคตา–ตับ–น้ำดี
  • “สินทรัพย์นับอนันต์พลันหมดเปลือง” → ทรัพย์สินสูญหาย เสียหาย ขาดทุน
  • “แค้นเคืองเพราะภรรยาและข้าคน” → เกิดปัญหาขัดแย้งในครอบครัวกับคู่ครอง หรือกับลูกน้อง บริวาร

  ผลเชิงบวก (คุณ)

แม้กลอนจะเน้นโทษ แต่หากเจ้าชาตาใช้สติและระวัง:

  • จะได้เรียนรู้ การจัดการทรัพย์–การเงิน อย่างรอบคอบ
  • เป็นช่วงเวลาฝึก “อดทน–ไม่โลภ” และแก้ปัญหาด้วยปัญญา (พุธ = ดาวแห่งสติปัญญา)

  ผลเชิงลบ (โทษ)

  1. การเงินติดขัด → ลงทุนไม่ออก หมุนเงินไม่คล่อง
  2. โรคภัย → โดยเฉพาะเกี่ยวกับตา–ตับ–น้ำดี → อาจมีอาการตาเหลือง ดีซ่าน
  3. ทรัพย์สินรั่วไหล → สูญเสียกะทันหัน ไม่เหลือเก็บ
  4. ขัดแย้งในบ้าน → มีปัญหากับภรรยา–ลูกน้อง–ผู้ใต้บังคับบัญชา

  วิเคราะห์เชิงโหราศาสตร์

  • พุธ (๔) = ดาวการเงิน–การสื่อสาร–สติปัญญา–บริวาร
  • เมื่อพระเกตุ (๙) จรมาทับ → เคราะห์กรรมมาบั่นทอนพลังพุธ = การเงินสะดุด คิดผิดพลาด เกิดขัดแย้งกับผู้ใกล้ชิด
  • โรคตา–ตับ สัมพันธ์กับพุธในเชิงแพทย์แผนโบราณ → สะท้อนผ่านคำว่า “นัยน์ตาเหลือง”

  สรุปสั้น ๆ  พระเกตุจรทับพุธ (๔)การเงินติดขัด–เจ็บป่วยตา/ตับ–ทรัพย์รั่วไหล–ทะเลาะคู่ครอง/บริวาร   ทางแก้ → ทำบุญเกี่ยวกับ แสงสว่าง–ดวงตา–ผู้ป่วยโรคตับ/โรงพยาบาล และใช้สติปัญญาควบคุมการใช้จ่าย ไม่ลงทุนเสี่ยงในช่วงนี้


  พระเกตุ (๙) จรทับดาวพฤหัส(๕) จากคำประพันธ์ของ อ. อรุณ เทศถมทรัพย์  

  ความหมายจากกลอน

“เกตุจรสู่ครูไซร้ไม่มีสุข จะเกิดทุกข์เพราะญาติปราศจากผล เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่ออำพรางตน ถ้าดิ้นรนหาผู้ใหญ่พึงไตร่ตรอง”

  • พระเกตุ (๙) จรทับพฤหัส (๕) → ชีวิตไม่ราบรื่น “ไม่มีสุข”
  • เกิด ทุกข์เพราะญาติ → ญาติพี่น้อง คนในครอบครัวไม่ช่วยเหลือ หรือสร้างภาระ
  • เพื่อนสนิทไม่จริงใจ → มีการหลอกลวง ปิดบัง
  • ผู้ใหญ่ช่วยก็ต้องระวัง → อาจได้ผู้ใหญ่ไม่จริงใจ ช่วยแล้วกลายเป็นโทษ

  ผลเชิงบวก (คุณ)

  • พระเกตุเกี่ยวกับ “บุญ–สิ่งศักดิ์สิทธิ์–เคราะห์กรรม”
  • พฤหัสเป็น “ครู–ธรรมะ–ศีล–ปัญญา”  เมื่อสองดวงมาพบกัน ถึงจะมีเคราะห์ แต่ก็ถือเป็น โอกาสแห่งการเรียนรู้ธรรมะ/ปัญญา ทำให้เจ้าชาตาเข้าใจโลกและคนมากขึ้น

  ผลเชิงลบ (โทษ)

  1. ญาติไม่ช่วย → ความสัมพันธ์ในครอบครัวอาจเกิดปัญหา
  2. เพื่อนหลอก → มิตรใกล้ชิดกลับไม่ซื่อสัตย์
  3. ผู้ใหญ่ไม่จริงใจ → หากพึ่งพาผู้ใหญ่โดยไม่ไตร่ตรอง อาจถูกเอาเปรียบ
  4. ศรัทธาสั่นคลอน → พฤหัสคือดาวศรัทธา เมื่อเกตุจรมาทับ อาจทำให้ความเชื่อหรือความมั่นใจในครูบาอาจารย์สั่นไหว

  วิเคราะห์เชิงโหราศาสตร์

  • พฤหัส (๕) = ปัญญา ศาสนา ครูบาอาจารย์ คุณธรรม กฎหมาย
  • เมื่อพระเกตุ (๙) จรมาทับ → เคราะห์กรรมมาแทรก ทำให้ “คุณธรรม–ศรัทธา–ครูบาอาจารย์” ถูกทดสอบ
  • เจ้าชาตาอาจเจอ “ครูไม่จริง–ศาสดาเทียม–ผู้ใหญ่หลอก” ต้องใช้สติปัญญาพิจารณาให้ดี

  สรุปสั้น ๆ  พระเกตุจรทับพฤหัส (๕)ทุกข์เพราะญาติ–เพื่อนหลอก–ผู้ใหญ่ไม่จริงใจ ทางแก้ → พึ่งครูที่แท้จริง หมั่นทำบุญกับ พระสงฆ์–ครูบาอาจารย์–สถานศึกษา และยึดหลักธรรมเป็นเกราะคุ้มครอง


 พระเกตุ (๙) จรทับศุกร์ (๖) จากคำประพันธ์ของ อ. อรุณ เทศถมทรัพย์

  ความหมายจากกลอน

“พระเกตุสู่คู่ศุกร์จะทุกข์ยาก เกิดลำบากเรื่องทรัพย์ทั้งหลายผอง พึงระวังโจรร้ายจะหมายปอง ทรัพย์สิ่งของเผลอหายไม่วายเว้น”

  • เมื่อ พระเกตุจรทับศุกร์ (๖) → ชีวิตมีความทุกข์ยาก
  • ลำบากเรื่องทรัพย์ → การเงินติดขัด หรือเสียทรัพย์ไปโดยง่าย
  • โจรร้ายหมายปอง → เสี่ยงถูกลักขโมย หรือถูกฉ้อโกง
  • ทรัพย์หาย → เผลอแล้วเสียของ สูญเสียข้าวของอยู่เสมอ

  ผลเชิงบวก (คุณ)

  • ทำให้เจ้าชาตาเรียนรู้เรื่องการใช้ทรัพย์อย่างระมัดระวัง
  • ถ้าช่วยเหลือผู้อื่นในเรื่องทรัพย์ เช่น การทำบุญทาน จะพลิกวิบัติให้เป็นคุณ
  • ศุกร์เป็นดาวแห่งความรัก → เคราะห์นี้อาจเตือนให้ระวังความสัมพันธ์ที่แลกด้วยผลประโยชน์ จะเป็นบทเรียนสำคัญ

  ผลเชิงลบ (โทษ)

  1. การเงินลำบาก → ขาดคล่อง สูญเสียทรัพย์
  2. โจรภัย–การฉ้อโกง → เสี่ยงถูกโกง ถูกลักทรัพย์
  3. ทรัพย์หาย → ข้าวของสูญหายง่าย
  4. ความรักมีปัญหาเพราะเงิน → ศุกร์แทนคู่ครอง → มีโอกาสทะเลาะเรื่องการเงิน

  วิเคราะห์เชิงโหราศาสตร์

  • ศุกร์ (๖) = คู่ครอง ความรัก ความสุข ทรัพย์สิน ศิลปะ ความรื่นรมย์
  • พระเกตุ (๙) จรมาทับ → เคราะห์กรรมเข้ามาบั่นทอนความสุข–ทรัพย์สิน → ทำให้การเงินสะดุด ความรักเดือดร้อน
  • หากไม่ระวัง → อาจเสียทั้งทรัพย์และใจ

  สรุปสั้น ๆ พระเกตุจรทับศุกร์ (๖)การเงินติดขัด–โจรภัย–ทรัพย์หาย–รักเดือดร้อนเพราะเงิน

ทางแก้ → ทำบุญด้วย ทรัพย์–ทานบารมี เช่น บริจาคเงินช่วยเหลือผู้ยากไร้ สร้างศิลปะ–ศาสนวัตถุ และหมั่นระวังการใช้เงิน/เก็บรักษาทรัพย์อย่างรอบคอบ


 


พระเกตุ (๙) จรทับเสาร์ (๗) จากคำประพันธ์ของ อ. อรุณ เทศถมทรัพย์

  ความหมายจากกลอน

“เกตุถึงเสาร์เขาให้ระวังปาก ถึงพูดมากพูดไปไม่สุขสันต์ จะเกิดความเพราะปากเราไม่เบาครัน โอษฐภัยแม่นมั่นจะพลันมี”

  • เมื่อ พระเกตุจรทับเสาร์ (๗) → สิ่งที่ต้องระวังคือ วาจา
  • พูดมากเกินไป หรือพูดโดยไม่คิด → ทำให้เกิดเรื่องเดือดร้อน
  • “โอษฐภัย” = ภัยจากปาก → การทะเลาะ คดีความ การถูกนินทา
  • คำพูดที่ไม่ยั้งใจอาจทำให้เสียหายทั้งชื่อเสียงและความสัมพันธ์

  ผลเชิงบวก (คุณ)

  • หากเจ้าชาตารู้จัก “สำรวมวาจา” จะกลับกลายเป็นพลังที่ทำให้คนยำเกรง
  • ช่วงนี้เหมาะกับการ ภาวนา–สวดมนต์–พูดในสิ่งดีงาม เพื่อเปลี่ยนเคราะห์เป็นคุณ

  ผลเชิงลบ (โทษ)

  1. โอษฐภัย → ภัยจากปาก คำพูดนำเคราะห์มาให้
  2. ศัตรูจากวาจา → มีเรื่องทะเลาะ ขัดแย้งเพราะคำพูด
  3. คดีความ → เสี่ยงถูกฟ้องร้อง นินทา เสียชื่อเสียง
  4. ทุกข์ใจ → พูดไปแล้วกลับมาเดือดร้อนใจเอง

 วิเคราะห์เชิงโหราศาสตร์

  • เสาร์ (๗) = ดาวแห่งความทุกข์ ความล่าช้า ความอดทน
  • เมื่อพระเกตุ (๙) จรมาทับ → เคราะห์กรรมจะปรากฏผ่าน “คำพูด–ปาก”
  • คำพูดที่ไม่สำรวม = เสาร์ให้ผลช้า แต่แรงและมั่นคง → ปัญหาที่เกิดอาจ “ฝังยาว” ไม่จบง่าย

  สรุปสั้น ๆ  พระเกตุจรทับเสาร์ (๗)โอษฐภัย–ทะเลาะ–คดีความ–เสียชื่อเสียง

ทางแก้ → สำรวมวาจา พูดให้น้อย เน้นสวดมนต์–เจริญภาวนา ทำบุญถวายหนังสือสวดมนต์/พระไตรปิฎก และช่วยเหลือผู้พิการทางการพูด/การได้ยิน เพื่อแก้เคราะห์จาก “ปาก”


 พระเกตุ (๙) จรทับราหู (๘) จากคำประพันธ์ของ อ. อรุณ เทศถมทรัพย์

  ความหมายจากกลอน

“พระเกตุมาราหูดูไม่สวย จะร้อนด้วยที่อยู่ดูบัดสี ถึงเพื่อนบ้านร้านเคียงเสียงไม่ดี จะย่ำยีลักทรัพย์อัปมาณ”

  • เมื่อ พระเกตุจรทับราหู (๘) → ถือว่าไม่เป็นมงคลนัก (“ดูไม่สวย”)
  • ที่อยู่อาศัยร้อนรุ่ม → บ้านเรือนไม่สงบ อยู่ไม่สุข
  • เพื่อนบ้าน–สังคมไม่ดี → มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับคนรอบข้าง
  • เสี่ยงโจรภัย–การลักขโมย → ถูกย่ำยี เสียทรัพย์ สูญของ

  ผลเชิงบวก (คุณ)

  • แม้บทกลอนจะเน้นโทษ แต่ก็สะท้อนว่าเป็นช่วง เคราะห์กรรมมาให้รู้จักปล่อยวาง
  • หากหันไปพึ่งทางธรรม ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร จะช่วยเบาบางเคราะห์ได้
  • ราหูสัมพันธ์กับ “ของมืด–ต่างชาติ–สิ่งแปลกใหม่” → ถ้าใช้ด้านบวก อาจได้โอกาสเกี่ยวกับงานต่างประเทศหรือสิ่งลี้ลับ

 ผลเชิงลบ (โทษ)

  1. บ้านเรือนไม่สงบ → บรรยากาศครอบครัวร้อนรุ่ม
  2. สังคมรอบข้างมีปัญหา → เพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมงาน ก่อความเดือดร้อน
  3. โจรภัย–ลักขโมย → ทรัพย์สินหาย ถูกโกง ถูกเบียดเบียน
  4. ชื่อเสียงเสื่อม → ราหูสัมพันธ์กับความมัวหมอง อาจถูกนินทา เสื่อมเสีย

  วิเคราะห์เชิงโหราศาสตร์

  • ราหู (๘) = เงา ความมืด สิ่งไม่เปิดเผย อบายมุข โจรภัย
  • พระเกตุ (๙) = บุญเก่า เคราะห์กรรม สิ่งศักดิ์สิทธิ์
  • เมื่อสองดวงมาพบกัน → เคราะห์กรรม (เกตุ) ไปเจอกับเงามืด (ราหู) → ชีวิตมักวุ่นวาย ถูกเบียดเบียน สูญเสีย
  • โดยเฉพาะด้าน ที่อยู่อาศัย–ทรัพย์สิน–สังคมรอบตัว

  สรุปสั้น ๆ  พระเกตุจรทับราหู (๘)บ้านร้อน–สังคมวุ่น–ทรัพย์สูญ–เสื่อมชื่อเสียง

ทางแก้ → ทำบุญปล่อยสัตว์ใหญ่ (เช่น โค กระบือ) หรือบริจาคช่วยเหลือผู้ยากไร้กลางคืน จุดประทีป–โคมไฟสว่างในที่มืด และหมั่นภาวนาพระรัตนตรัย เพื่อขจัดเงาราหู


  ตอนสำคัญที่สุดของคำประพันธ์พระเกตุจร โดย อ. อรุณ เทศถมทรัพย์ กล่าวถึง พระเกตุ (๙) จรทับพระเกตุเดิม (๙) และความหมายเชิงสรุปของเกตุจรทั้งหมด

  ความหมายจากกลอน

“เกตุถึงเกตุเป็นเหตุเกิดอุบาทว์ เช่นผ้าขาดมุสิกามากัดผลาญ กล้วยออกปลี กลางต้นยลรำคาญ สัตว์จัณฑาลขึ้นเคหาน่าตกใจ”

  • เมื่อ พระเกตุจรทับพระเกตุเดิม → มักเกิดเคราะห์อุบาทว์ เรื่องไม่เป็นเรื่องก็มากวนใจ
  • เปรียบเหมือน ผ้าขาด → สิ่งที่มีค่าเสียหาย
  • มุสิกากัดผลาญ → ศัตรูเล็กน้อยก่อเรื่องใหญ่
  • กล้วยออกปลีตรงกลางต้น → เรื่องผิดธรรมชาติ เกิดเหตุวิปลาส
  • สัตว์จัณฑาลขึ้นบ้าน → เจอคนไม่ดี/ศัตรูต่ำช้าก่อกวน

“แม้นทำรับกลับโทษเป็นคุณอยู่ ถามท่านดูว่าจะทำเป็นไฉน แม้นเกตุจรต้องพระเคราะห์พระองค์ใด พระนั้นไซร้เป็นเดชศรีมนตรีจร”

  • หากเจ้าชาตา รู้จักแก้เคล็ด–ทำบุญรับเคราะห์ เคราะห์ร้ายจะกลับกลายเป็นคุณ
  • เมื่อเกตุจรสัมพันธ์กับพระเคราะห์อื่น ๆ → ดาวที่ถูกร่วมก็กลายเป็น ดาวเสริมอำนาจ บารมี (มนตรีจร)

“เกตุก็กลายคลายโทษที่ร้ายนัก ให้ผ่อนพักเป็นสุขสโมสร ถึงต้นร้ายปลายก็มีดีแน่นอน เรื่องเกตุจรหวงกันมาช้านานเอย ..”

  • แม้ตอนต้นของเกตุจรจะ ร้าย → ให้เคราะห์ เสียหาย วุ่นวาย
  • แต่ตอนท้ายมัก กลับกลายเป็นดี → ได้ลาภ ได้บุญ ได้ทางออก
  • เป็นธรรมชาติของพระเกตุที่โบราณจารย์ย้ำว่า “ต้นร้ายปลายดี”
  • จึงเป็นดาวที่ให้ทั้งเคราะห์และคุณ ขึ้นอยู่กับการตั้งสติและทำบุญแก้ไข

  ผลเชิงบวก (คุณ)

  • แม้เริ่มต้นร้าย แต่ลงท้ายมักกลับเป็นดี
  • หากเกตุจรสัมพันธ์กับดาวใด → ดาวนั้นจะกลายเป็นผู้ช่วยอุปถัมภ์
  • สอนให้เจ้าชาตาใช้เคราะห์เป็นบทเรียน เตรียมใจสู่ความสำเร็จภายหลัง

  ผลเชิงลบ (โทษ)

  • เกตุทับเกตุ = เคราะห์อุบาทว์ → เหตุการณ์วิปลาส วุ่นวายไม่ปกติ
  • สูญเสียของ/ทรัพย์ เสียชื่อเสียงจากเรื่องเล็กน้อย
  • เจอคนไม่ดีเข้ามาสร้างปัญหา

  วิเคราะห์เชิงโหราศาสตร์

  • พระเกตุ (๙) = ดาวบุญ–เคราะห์กรรม–สิ่งศักดิ์สิทธิ์–สิ่งลี้ลับ
  • เมื่อจรมาทับตนเอง → พลังกรรมเดิมถูกปลุกขึ้นมาอย่างแรง
  • ทำให้เจ้าชาตาเผชิญ วิบากกรรม–อุปสรรค–เหตุแปลกประหลาด แต่ก็เพื่อผลักดันไปสู่ความดีตอนปลาย

  สรุปสั้น ๆ  พระเกตุจรทับพระเกตุเดิม (๙)เคราะห์อุบาทว์–เหตุวิปลาส–เจอศัตรูเล็กน้อยก่อกวน  แต่สุดท้าย ปลายกลับดี → หากทำบุญ–ใช้สติ ดาวเกตุจะพลิกเคราะห์เป็นคุณ


 การตีความ ดาวเกตุ (๙) ถึงลัคนา และเล็งลัคนา (โดยเฉพาะในภพปัตนิ)   พร้อมขยายความตามหลักโหราศาสตร์ไทย 

  การพยากรณ์ ดาวเกตุ (๙) ถึงลัคนา / เล็งลัคนา

๑. ดาวเกตุ (๙) ทับลัคนา

  • ทัศนคติต่อชาวต่างชาติ → ชอบคนต่างชาติ ถูกชาตากับชาวต่างประเทศ ทำงานกับต่างชาติได้ดี
  • บุคลิกและความคิด → แสดงออกเด่น ชอบทำตัวต่างจากคนทั่วไป มีความคิดสร้างสรรค์แบบ “พิสดาร–แปลกใหม่” มากกว่าคนที่มีดาวศุกร์ถึงลัคนา
  • ความสัมพันธ์ → มีความต้องการทางเพศสูง สนใจสิ่งแปลก ๆ เกี่ยวกับความรัก
  • ความสามารถพิเศษ → เก่งด้านการออกแบบ–ศิลปะ–ความงามที่ไม่เหมือนใคร เช่น การออกแบบเสื้อผ้า ทรงผม ของโบราณ ของสะสม

๒. ดาวเกตุ (๙) เล็งลัคนา (อยู่ภพปัตนิ)

  • คู่ครอง–ความรัก
    • ชอบคู่ครองที่เป็นชาวต่างชาติมากกว่าคนในชาติเดียวกัน
    • มีแนวโน้มได้คู่ที่ อายุมากกว่า → แต่หลังอายุ ๓๐ ปี ชีวิตคู่มักไม่ราบรื่น
    • ถ้าไม่เจอคู่ที่ “ถูกใจ” อาจเลือกอยู่คนเดียว → มีโอกาส “ไร้คู่” ได้
    • ความรักมักเร่าร้อน รุนแรง และบางครั้ง “วิปริต” โดยเฉพาะถ้าร่วมกับดาวบาปเคราะห์ (อังคาร–เสาร์–ราหู)
  • วัยและบุคลิก
    • ก่อนอายุ ๓๐ → บุคลิกชอบ “ซ่า–ล้น–เด่นกว่าคนอื่น” สนใจเพศตรงข้ามที่โดดเด่นกว่าวัยเดียวกัน
    • หลังอายุ ๓๐ → บุคลิกเปลี่ยนไปเป็น “สมถะ–สงบ–ชอบของเก่า–โบราณ–พระสงฆ์สูงวัย”
  • ลักษณะเด่นเฉพาะ
    • มีอารมณ์ “สองเพศ” (androgynous) → สนใจความงามในหลายรูปแบบ
    • สร้างสรรค์ความสวยงามแบบ พิสดาร–แปลก–ไม่ซ้ำใคร
    • เน้นความสัมพันธ์แบบ “ต่างชาติ–ต่างวัย”

๓. สรุปความแตกต่าง

ตำแหน่ง

ผลเด่น

ผลเสีย

ทับลัคนา

ชอบต่างชาติ, สร้างสรรค์แปลกใหม่, บุคลิกโดดเด่น, เก่งงานศิลป์/ออกแบบ

ความต้องการทางเพศสูง, บุคลิกแปลกเกินจนคนรอบตัวมองประหลาด

เล็งลัคนา (ปัตนิ)

คู่ต่างชาติ, คู่สูงวัย, ความรักเร่าร้อน, หลัง ๓๐ ปีชอบสมถะ–โบราณ, สนใจศาสนา/พระสงฆ์สูงวัย

ชีวิตคู่ไม่มั่นคง, เสี่ยงไร้คู่, รักผิดธรรมดาถ้าร่วมบาปเคราะห์

  สรุปสั้น ๆ  ดาวเกตุ (๙) ทับ/เล็งลัคนา

  • ชีวิตเกี่ยวข้องกับ “ต่างชาติ–ต่างวัย–สิ่งแปลก–ของโบราณ–ศิลปะ”
  • วัยหนุ่มสาว “ซ่า–เด่น–รักเร่าร้อน”
  • หลัง ๓๐ ปี “สงบ–สมถะ–สนใจของเก่าและพระสงฆ์”
  • เรื่องความรักมักไม่ธรรมดา โดยเฉพาะถ้ามีดาวบาปเคราะห์ร่วม

 #สนใจสมัครเรียนโหราศาสตร์ไทย อย่างเป็นระบบ ตามระบบธาตุและเรือนชาตา ตามหลักของท่านอาจารย์บรรเทา จันทรศร(ุอุตรภัทร์) อาจารย์ฐิ โหราศาสตร์ไทย นำหลักเคล็ดลับการพยากรณ์ตามหลักระบบธาตุของอาจารย์บรรเทา มาใช้ในการวิเคราะห์ทั้งในดวงชาตาเดิม และดวงชาตาจร ทำให้การพยากรณ์ดวงชาตาเกิดความแม่นยำมากในการพยากรณ์ดวงชาตาเดิมและการพยากรณ์ดวงชาตาจร การเชื่อมโยงระหว่างดวงชาตาเดิมกับดวงชาตาจรทำให้คำพยากรณ์ถูกต้องตามความเป็นจริง รวมทั่งสอนในการนำความรู้ทางด้านโหราศาสตร์ไทยไปใช้ในการให้ฤกษ์อีกด้วย เป็นหลักสูตรเดียวที่เรียนครบทั้งการวิเคราะห์ดวงชาตาเดิม การเชื่อมโนงระหว่างดวงชาตาเดิมกับดวงชาตาจร รวมทั้งการให้ฤกษ์ต่าง ๆ อาจารย์จะเปิดสอนรุ่นที่ ๑๙ เริ่มเรียนครั้งที่ ๑ วันอาทิตย์ที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๘ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๑.๐๐ น. เรียนจำนวน ๑๐ อาทิตย์ หลังจากจบการสอนในแต่ละสัปดาห์ผู้เรียนจะได้รับบันทึกการสอน(vdo)และเอกสารประกอบการสอนทางอีเมล์ เพื่อใช้ทบทวนการเรียน ทำให้ผู้เรียนสามารถทำความเข้าใจในเนื้อหาที่เรียนได้ดีอย่างเป็นระบบ สนใจสมัครเรียนรุ่นนี้ หรือต้องการตรวจสอบดวงชาตา ให้อินบ๊อก : m.me/arjarnth 

 

 

 

 

Read more

ความหมายของดาวมฤตยู(๐)

ความหมายของดาวมฤตยู(๐)

ดาวมฤตยู(๐) หรือดาวยูเรนัส(Uranus) สถิตในเรือนภพต่าง ๆ จะมีความหมายอย่างไร ความหมายของดาวมฤตยู(๐) หรือ ดาวยูเรนัส (Uranus) ดาวมฤตยู(๐) หรือ ดาวยูเรนัส (Uranus) ดาวมฤตยู เป็นดาวเคราะห์ที่ใช้เลข ๐ เป็นเครื่องหมาย ท่านบูรพาจารย์ท่านได้ให้คำพยากรณ์เกี่ยวกับดาวมฤตยูไว้ว่า

ความสำคัญของดวงนวางค์จักร

ความสำคัญของดวงนวางค์จักร

ดวงนวางค์จักรสำคัญต่อโหราศาสตร์ไทยอย่างไร ในการตรวจสอบดวงชาตาตามระบบโหราศาสตร์ไทย ปกติเราจะใช้ ดวงราศีจักร (หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “ดวงอีแปะ”) เป็นพื้นฐานในการพยากรณ์เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดกับเจ้าของดวงชะตา แต่ในความเป็นจริงนั้น การใช้ดวงราศีจักรเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถบอกคุณภาพที

“ศุกร์ราหูหรือจันทร์กับศุกรา มักเคล้าคู่โจราระวังภัย”

“ศุกร์ราหูหรือจันทร์กับศุกรา มักเคล้าคู่โจราระวังภัย”

ท่านอาจารย์บรรเทา จันทรศร(อุตรภัทร์) ท่านกล่าวว่า เรื่องที่เกี่ยวกับโหราศาสตร์ไทย ที่คนอยากรู้มากที่สุด คือเรื่องคู่ครอง คนรักและกามารมณ์ ท่านอาจารย์ท่านได้นำคำกลอนจากอาจารย์ปู่นวม แห่งวัดสังเวชวิการาม ท่านเป็นโหรยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ตอนต้น

ดาวพระเคราะห์คู่ ชุดที่ ๓

ดาวพระเคราะห์คู่ ชุดที่ ๓

ท่านอาจารย์บรรเทา จันทรศร(อุตรภัทร์) ท่านกล่าวว่า เรื่องที่เกี่ยวกับโหราศาสตร์ไทย ที่คนอยากรู้มากที่สุด คือเรื่องคู่ครอง คนรักและกามารมณ์ ท่านอาจารย์ท่านได้นำคำกลอนจากอาจารย์ปู่นวม แห่งวัดสังเวชวิการาม ท่านเป็นโหรยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ตอนต้น