ความหมายของดาวพระเคราะห์คู่ คู่ครอง คนรัก กามารมณ์
ท่านอาจารย์บรรเทา จันทรศร(อุตรภัทร์) ท่านกล่าวว่า เรื่องที่เกี่ยวกับโหราศาสตร์ไทย ที่คนอยากรู้มากที่สุด คือเรื่องคู่ครอง คนรักและกามารมณ์ ท่านอาจารย์ท่านได้นำคำกลอนจากอาจารย์ปู่นวม แห่งวัดสังเวชวิการาม ท่านเป็นโหรยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ตอนต้น มาถ่ายทอดต่อเพื่อเป็นความรู้ในการพยากรณ์ดวงชาตา
ชุดที่ ๑
“พฤหัสจันทร์ปั้นตัวหาผัวเมีย มิได้พักให้เสียขันหมากหมั้น
อังคารจันทร์เมถุนธนูคู่สำคัญ มักอาจหาญการชู้คู่เจ้าเครา”
และตอนท้ายท่านกล่าว ว่า
พระเคราะห์คู่ที่มีอยู่ดังกล่าวนี้ ถ้าตกที่ปัตนิวุ่นวายใหญ่
ตกสหัชชะกัมมะยิ่งเร้าใจ ตลอดวัยทั้งสามตามเวลา
เป็นนิจเป็นเป็นประเป็นกาลี ศรีมนตรีไซร้ว่าไม่ดี
เป็นอุจจาวิลาสมูละดีหนักหนา ตกตนุและลาภา เทพวิวาห์ให้ดีสุขีเอย
จากบทกลอนนี้ ท่านอาจารย์บรรเทา จันทรศร ท่านกล่าวว่า ถ้าดาวพระเคราะห์ ๒ ดวง หรือ ๓ ดวง อยู่ราศีเดียวกัน หรือเล็งกัน และอยู่ในราศีปัตนิ สหัชชะ กัมมะ ท่านว่าร้ายและวุ่นวายตั้งแต่เกิดจนตาย แต่ถ้าอยู่ในราศีที่เป็นภพตนุ พันธุและลาภะ ท่านว่าจะมีโชคในด้านการแต่งงาน มีความสุขตลอดอายุขัย
ดาวพฤหัสบดี ๕ และดาวจันทร์ ๒ อยู่ราศีเดียวกันและอยู่ในภพปัตนิ ภพสหัชชะ กัมมะ ท่านว่า เป็นดาว “พฤหัส จันทร์ ปั้นตัวหาผัวเมีย มิได้พักให้เสียขันหมากหมั้น” หมายความว่า ถ้าเป็นชายไม่ต้องไม่ต้องเสียค่าสินสอดทองหมั้น มีคนออกสินสอดให้ หรือถ้าเป็นผู้หญิงต้องการสามี ก็จะเป็นออกสินสอดให้สามีเอง โดยผู้ชายไม่ต้องการจ่ายค่าสินสอด ในภพปัตนิ ถ้ามีดาวพฤหัสบดีหรือจันทร์ตัวใดตัวหนึ่งเป็นเจ้าเรือนปัตนิ ถ้าหากเป็นชายร้อยละ ๘๐-๙๐ เป็นจริงตามตำรา และมักได้คู่ครองที่ดีเป็นราศีแก่ตนเอง ทำให้มีความสุขและความเจริญตลอดอายุขัย สำหรับดวงชะตาหญิง ฝ่ายชายจะมาสู่ขอตามประเพณี ได้สินสอดแหวนเพชรเม็ดโต ถึงเกิดในตระกูลยากจน ก็ต้องได้คู่ดีมีศักดิ์ศรี
อีกคู่หนึ่ง “อังคารจันทร์เมถุนธนูคู่สำคัญ มักอาจหาญการชู้คู่เจ้าเครา” ดวงชะตาใดที่มีดาวอังคาร ๓ และดาวจันทร์ ๒ อยู่ในราศีเดียวกัน หากดาวอังคารและดาวจันทร์อยู่ราศีเดียวกันโดยไม่มีดาวอื่นมาปะปน ดาวจันทร์และดาวอังคารดวงใดหนึ่งเป็นเจ้าเรือนปัตนิ ส่วนใหญ่มักจะได้เสียกันก่อนแต่งงาน แต่งงานแล้วจะมีการเลิกร้าง เพราะสาเหตุที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนอกใจ ส่วนใหญ่มาจากการที่ดาวอังคารและดาวจันทร์ร่วมราศีกัน คนที่มีดาวจันทร์และดาวอังคารอยู่ร่วมราศีเดียวกัน การครองเรือนมักจะมีความสุขตอนที่ยังไม่ได้อยู่ร่วมกัน อยู่กันลับ ๆ จะมีความสุขที่สุด พอได้แต่งงานกันแล้ว รักมักจะจืดจาง ดาวอังคารกับจันทร์ท่านโหราจารย์เรียกว่า คู่ชู้
สรุปความหมายของ “ดาวเคราะห์คู่” ที่สัมพันธ์กันในดวงชาตา โดยเฉพาะ คู่พฤหัส (๕) – จันทร์ (๒) ซึ่งถือว่าเป็นคู่ใหญ่คู่สำคัญ
คำกลอนต้นตำรา
“พฤหัสจันทร์ปั้นตัวหาผัวเมีย มิได้พักให้เสียขันหมากหมั้น อังคารจันทร์เมถุนธนูคู่สำคัญ มักอาจหาญการชู้คู่เจ้าเครา” และท่านขยายความว่า ถ้าดาวพระเคราะห์ ๒–๓ ดวง อยู่ร่วมราศีเดียวกันหรือเล็งกัน แล้วไปตกใน ภพปัตนิ สหัชชะ กัมมะ ให้ผล “ร้าย–วุ่นวาย” ตั้งแต่เกิดจนตาย แต่ถ้าอยู่ใน ภพตนุ พันธุ ลาภะ เป็นคุณใหญ่ มีโชคเรื่องคู่ครอง การแต่งงาน ความสุขตลอดอายุ
การวิเคราะห์คู่ดาว จันทร์ (๒) + พฤหัส (๕)
- ความหมายทั่วไป จันทร์ (๒) คือ ภรรยา/ความสัมพันธ์/อารมณ์รัก พฤหัส (๕) คือ สามี/พ่อ/ผู้ใหญ่/เกื้อกูล/ฐานะ เมื่อคู่นี้สัมพันธ์กัน เกิดความหมายว่า การสมรส การแต่งงาน การได้คู่ครองโดยไม่ติดขัดเรื่องสินสอด
- ถ้าอยู่ในภพปัตนิ เป็นจุดตรง ๆ ของเรื่องคู่ครอง
- ฝ่ายชาย มีโอกาสสูง (80–90%) ที่ “ไม่ต้องเสียสินสอดเอง” มีคนจัดหามาให้ หรือคู่ครองมีฐานะช่วยยกสถานะ
- ฝ่ายหญิง ได้คู่ดี มีเกียรติ แม้ยากจนก็มีเกณฑ์ได้สามีที่สูงศักดิ์ มีการแต่งงานสมเกียรติ
- ถ้าอยู่ในภพสหัชชะ หรือกัมมะ คู่ครอง/ชีวิตคู่ผูกกับเพื่อนพี่น้อง หรือการงาน จะเกิดความวุ่นวาย มีการขัดแย้งเป็นระยะ ๆ มักมีข่าวลือ หรือมีการก้าวก่ายจากคนรอบข้าง ทำให้ชีวิตคู่ไม่ราบรื่น
- ถ้าอยู่ในภพตนุ พันธุ ลาภะ ถือว่าให้คุณแก่เจ้าชาตา เป็นคุณยิ่งใหญ่ ชีวิตคู่สมบูรณ์ ครอบครัวอบอุ่น เป็นคู่เกื้อหนุนฐานะให้มั่นคง การแต่งงาน เป็นลาภผลในชีวิตคู่ มีความสุขและมีความเจริญรุ่งเรืองตลอดอายุ
สรุปความหมาย “คู่ดาวพฤหัส(๕) ดาวจันทร์(๒)” เป็น ดาวคู่สมรสโดยตรง มีพลังให้เรื่องความรัก–การแต่งงานเด่นชัด ถ้าอยู่ใน ปัตนิ ชีวิตคู่เด่น ฝ่ายชายได้คู่ครองแบบไม่ต้องจ่ายสินสอด ฝ่ายหญิงได้สามีสูงศักดิ์ มีฐานะดี ถ้าอยู่ใน ภพสหัชชะหรือภพกัมมะ เจ้าชาตาจะเกิดความวุ่นวายเรื่องคู่ มีปัญหาจากคนรอบตัว/จากการงาน ถ้าอยู่ในภพ ตนุ ภพพันธุหรือภพลาภะ เจ้าชาตาจะมีโชคจากการแต่งงาน มีครอบครัวมั่นคง ได้คู่ดีเป็นกุศลแก่ชีวิต
กล่าวโดยสรุป : ดาวจันทร์ (๒) + พฤหัส (๕) เป็น “ดาวคู่วิวาห์” ถ้าอยู่ตำแหน่งดี จะทำให้เจ้าชาตาได้คู่ที่ดี ฐานะมั่นคง และสมบูรณ์ทั้งการแต่งงานและชีวิตครอบครัว
อีกบทในชุดที่ ๑ จากคำกลอนของ อ.บรรเทา จันทรศร (อุตรภัทร์) ที่กล่าวถึง คู่ดาวอังคาร (๓) กับ ดาวจันทร์ (๒) ซึ่งโบราณเรียกว่า “คู่ชู้”
จำคำกลอนที่ว่า
“อังคารจันทร์เมถุนธนูคู่สำคัญ มักอาจหาญการชู้คู่เจ้าเครา”
การตีความหมาย
๑. ลักษณะคู่ดาว ดาวจันทร์ (๒) เกี่ยวกับความรัก ความใคร่ ความสัมพันธ์ คู่ครอง ดาวอังคาร (๓) ให้ความหมายด้านความใคร่ กำลัง ความร้อนแรง เมื่อนำมาร่วมราศีกันโดยไม่มีดาวอื่นผสม เรียกว่า “คู่ชู้”
๒. ผลในดวงชะตา ถ้าดาวอังคาร (๓) หรือจันทร์ (๒) เป็น เจ้าเรือนปัตนิ ส่วนใหญ่ “ได้เสียกันก่อนแต่งงาน” หลังแต่งงาน มีเกณฑ์ “เลิกร้าง” เพราะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนอกใจ ความรักจะ “สุขที่สุด” ตอนยังอยู่แบบลับ ๆ ไม่เปิดเผย แต่เมื่ออยู่กินกันจริง หรือแต่งงานอย่างเปิดเผย ความรักกลับจืดจาง
๓. ภาพรวมความหมาย ความสัมพันธ์รักที่เริ่มต้นด้วย แรงดึงดูดทางกาย อารมณ์ มักไม่มั่นคงยืนยาว มีเรื่องมือที่สาม การนอกใจ หรือหมดเสน่ห์ต่อกันหลังแต่งงาน ถ้าอยู่ในภพปัตนิ/ภพกัมมะ/หรือภสหัชชะ ยิ่งให้โทษแรง ความรักร้าวเร็ว แตกหักง่าย ถ้าอยู่ใน ภพตนุ/ภพพันธุ/หรือภพลาภะ อาจผันกลับเป็น “คู่ครองมีเสน่ห์” แต่ก็ยังต้องระวังความไม่ยั่งยืน สรุป “คู่ชู้” (อังคาร–จันทร์) ความรักแบบแรง–เร็ว–แรงดึงดูดสูง แต่ไม่มั่นคง มีความสุขตอนรักซ่อนเร้น แต่เมื่อเปิดเผยหรือแต่งงานจริง มักจืดจาง เป็นคู่ที่ต้อง “รักษาสติและความซื่อสัตย์” จึงจะอยู่รอด
ตารางชุดที่ ๑ ให้ครบทั้งสองคู่ คือ ดาวพฤหัส (๕) – ดาวจันทร์ (๒) (คู่วิวาห์/คู่สมรส) ดาวอังคาร (๓) –ดาวจันทร์ (๒) (คู่ชู้)
