สุริยคราสและจันทรคราส ส่งผลอย่างไรต่อเจ้าชาตา

สุริยคราสและจันทรคราส ส่งผลอย่างไรต่อเจ้าชาตา

การเกิดสุริยุคราส กับจันทรคราส   ให้ผลต่อดวงชาตาอย่างไร

 เกณฑ์องศาที่ทำให้เกิด “สุริยคราส–จันทรคราส” ในทางโหราศาสตร์ไทยและสากลกำหนดว่า

สุริยคราส (Solar Eclipse) จะเกิดเมื่อ  อาทิตย์ (๑) – จันทร์ (๒) อยู่ร่วมราศี (New Moon)  และ เข้าใกล้ “จุดราหู–จุดเกตุ” (Nodes) ไม่เกิน ประมาณ 15° 

  สุริยคราส (Solar Eclipse) คืออะไร?

สุริยคราส = อาทิตย์ (๑) + จันทร์ (๒) ร่วมราศี (New Moon) + เข้าใกล้ “จุดราหู–จุดเกตุ” ไม่เกินประมาณ 15° ดาวอาทิตย์  มีแสงสว่างในตัวเอง ตัวตน เจ้านาย ชื่อเสียง ผู้ใหญ่ กรรมเก่า–กรรมดี  ดาวจันทร์(๒) หมายถึง จิตใจ อารมณ์ ร่างกาย  มวลชน  ราหู/เกตุ เงา,  พลิกผัน–เปลี่ยนวัฏจักรชีวิตสุริยคราสคือจังหวะที่ “จันทร์บดบังแสงอาทิตย์” จึงเป็นสัญลักษณ์ตามโหราศาสตร์ว่า  แสงของอาทิตย์ (๑) ถูกดับ–ถูกคาบ–ถูกบังชั่วคราว  นำไปสู่ การปิดฉาก, จบวาระ, ยุติสิ่งเดิม, เปลี่ยนทิศชีวิต ในตำราไทยเรียกว่า “อาทิตย์ดับ”  “อาทิตย์อับแสง”  “อาทิตย์คราส”

ทำไมต้อง  ≤ 15°  อ่านว่า "ไม่เกิน 15 องศา" ?  15° = Eclipse Zone (ช่วงอิทธิพลคราส)  คือระยะองศาที่ “การโคจรของอาทิตย์–จันทร์เฉียดเส้น Nodes (ราหู–เกตุ)” ทำให้เกิดพลังของคราสได้ แม้ไม่ใช่คราสเต็มดวง  10°   ช่วงแรง (Strong Eclipse Zone)  ผลชะตาเด่นชัด ชีวิตถูกเร่งให้ “ตัด–ทิ้ง–เปลี่ยน”   5°   คราสสมบูรณ์ (Exact Eclipse)   ผลรุนแรงที่สุดในเชิงโหราศาสตร์

 สัญลักษณ์ตามตำราโหรไทย ตำราไทยให้ความหมายสุริยคราสไว้ว่า เกิดการดับ ความรุ่งเรืองชั่วคราว เพราะอาทิตย์คือ “ความรุ่งเรือง – เกียรติยศ – ความสว่าง” ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงโดยไม่ตั้งใจ  เพราะจันทร์บดบังแสง ทำให้เกิดสิ่ง “พลิกผัน–อุบัติ–ฉับพลัน”  วัฏจักรชีวิตจบลง เปิดวัฏจักรใหม่  การเกิดคราส  เป็นการปิดประตูเก่า เปิดประตูใหม่  กรรมเก่าถูกกระตุ้น (โดยราหู–เกตุ) เวลาเกิดคราสทั้งดาวอาทิตย์(๑)และดาวจันทร์(๒) เข้าใกล้ราหู/เกตุ ดาวเงาและกรรมถูกปลุกขึ้นมาอย่างแรง

 สุริยคราสส่งผลต่อดวงชาตาอย่างไร?

การพยากรณ์ต้องดูว่า สุริยคราสเกิดขึ้นในภพใดของดวงชาตา  เพราะ “เรือนนั้น” ถูกปิด–เปิดวัฏจักรใหม่ เริ่มต้นใหม่ เปลี่ยนสถานะ หรือจบวาระเดิม 

ตัวอย่างคำพยากรณ์แบบตำราไทย

 สุริยคราสเกิดใน ภพตนุ  ชีวิตเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนตัวตน เปลี่ยนเส้นทางชีวิตใหม่   เจ็บป่วยง่าย อารมณ์แปรปรวน แต่เป็นจังหวะ เปลี่ยนตัวเองแบบถอนราก

 สุริยคราสเกิดใน ภพกดุมภะ (เงิน) ปิดวาระรายได้เก่า เปลี่ยนโครงสร้างการเงิน  เสียเงินก้อนใหญ่ หรือได้เงินจากกรรมเก่า  เริ่มหารูปแบบรายได้ใหม่

 สุริยคราสเกิดใน ภพสหัชชะ (งาน–การติดต่อ–เดินทาง) ตัดความสัมพันธ์เดิม เปลี่ยนงาน เปลี่ยนทีมงาน เกิดเหตุให้ต้องเดินทางบ่อยขึ้น  เอกสารสำคัญต้องระวัง

 สุริยคราสเกิดใน ภพพันธุ (บ้าน–ที่ดิน–พ่อแม่) มีการเปลี่ยนบ้าน การซ่อมใหญ่   ปัญหาด้านที่ดิน การโยกย้าย สุขภาพพ่อแม่มีเรื่องให้ดูแล

 สุริยคราสเกิดใน ภพปุตตะ (บุตร–หุ้น–เสี่ยงโชค)

บุตรมีการเริ่มต้นใหม่  มีการลงทุนรูปแบบใหม่ ปิดฉากความรักเก่า เปิดความรักใหม่

 สุริยคราสเกิดใน ภพปัตนิ (คู่ครอง–คู่สัญญา)

ความสัมพันธ์มาถึงจุด “เปลี่ยนสถานะ”  แต่งงาน–หย่า–แยกกัน–คืนดี–ทำสัญญาใหม่  ทุกอย่างขึ้นกับดวง และดาวเจ้าเรือน

 สุริยคราสเกิดใน ภพกัมมะ (การงาน) งานเปลี่ยนโครงสร้างใหญ่  ผู้บริหารเปลี่ยน  โยกย้ายตำแหน่ง เริ่มงานใหม่ หรือจบงานเดิมแบบฉับพลัน

 สุริยคราสเกิดใน ภพลาภะ (โชคลาภ–เพื่อน) ได้ลาภจากสิ่งไม่คาดคิด  เพื่อนบางคนหายไป เปิดก๊วนใหม่ โครงการใหญ่เกิดขึ้น หรือปิดจบไป

สุริยคราสให้ผลนานแค่ไหน?  ตำราโหราศาสตร์กำหนดไว้ว่า ผลของสุริยคราสกินเวลา 6 เดือน – 1 ปี  หากคราสตกทับดาวใหญ่ เช่น ๕ / ๗ / ๘ ผลกินนานถึง 2–3 ปี

 ผลพิเศษถ้าคราสทับดาวในดวงเดิม 

คราส ทับ อาทิตย์ (๑)  มีการเปลี่ยนงาน เปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนสถานะ  ผู้ใหญ่มีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลง โดนลดบทบาท–ยกเลิกบางสิ่ง–เปิดทางใหม่

คราสทับ จันทร์ (๒)  มีผลต่อสุขภาพ–จิตใจ–ครอบครัว มีเหตุให้ต้องจัดการ  น้ำท่วม–เดินทาง–ที่อยู่เปลี่ยน

คราส ทับ ราหู/เกตุ ผลแรงมาก  เหมือน “กรรมเก่าเปิด” มักเกิดเรื่องชะตาพลิกผันแบบไม่คาดฝัน

สรุป “ความหมายของสุริยคราส” แบบตำราไทย คราส คือ การดับแสง แล้วเปิดแสงใหม่  เป็นสัญญาณแห่งการสิ้นสุดวัฏจักร และเริ่มเส้นทางใหม่ในภพที่คราสตก

ใช้พยากรณ์ได้ว่า เกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิตแบบถอนราก ทุกอย่างเปลี่ยนเร็วและเด็ดขาด สิ่งเก่าออกไป สิ่งใหม่เข้ามา   เป็น “จุดชะตาเปลี่ยนทิศ” หรือ Turning Point

 

จันทรคราส (Lunar Eclipse) จะเกิดเมื่อ  อาทิตย์ – จันทร์ ตรงข้ามกัน 180° (Full Moon)  และอยู่ใกล้ จุดราหู–เกตุ ≤ 12–15°  15° คือ “ช่วงอิทธิพล” หรือ Eclipse Zone  และ 10° ถือเป็น “ช่วงรุนแรง”   5° ถือเป็น “ช่วงคราสสมบูรณ์” ให้ผลแรงที่สุด

  คำอธิบายแบบตำราไทย พื่อให้ใช้ในการพยากรณ์ดวงชาตา เมื่อเกิดจันทรคราส (Lunar Eclipse) ตามบริบทที่มี 

จันทรคราส คืออะไร (ความหมายตามตำราไทย) จันทรคราส หรือ คราสพระจันทร์ หมายถึง“ดวงจันทร์ถูกโลกบังแสงอาทิตย์จนมืดลง” เกิดในช่วง วันเพ็ญ (Full Moon) เมื่อ อาทิตย์–จันทร์ อยู่ตรงข้ามกัน ๑๘๐° และ จันทร์เข้าใกล้จุดราหูหรือจุดเกตุ (Node) ดวงใดเกิดในขณะมีคราส เรียกว่า“เกิดในคราส” หรือ “ชาตานคราส” ตำราไทยถือว่าเป็นภาวะ แรงกว่าปกติหลายเท่า ในเรื่องดาวที่เข้าไปเกี่ยวข้อง

เกณฑ์องศาที่ทำให้เกิดคราส (Eclipse Zone)

● เกณฑ์มาตรฐานที่ใช้ในดาราศาสตร์–โหราศาสตร์  สรุปสั้น ๆ ถ้า จันทร์เพ็ญ + เกาะราหู–เกตุ ไม่เกิน ๑๕ องศา   ถือว่าเกิดคราส  ยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไร ผลยิ่งชัดมากเท่านั้น

 ๓) คำว่า “เกาะราหู–เกตุ ≤ 15°”   อ่านว่า "ไม่เกิน 15 องศา"หมายความว่าอะไร

หมายถึง  “ระยะเชิงมุมของดวงจันทร์ห่างจากจุดราหูหรือจุดเกตุ ไม่เกิน 15 องศา”  ซึ่งในทางโหราศาสตร์เรียกว่า ดาวเข้าใกล้ Node ในวงแหวนคราส (Eclipse Zone) เป็นช่วงที่ดาวดวงนั้น รับแรงของราหู–เกตุแบบเข้มข้น

เมื่อเกิดคราส ดาวราหู (๘) “ดับ” ไหม? ตำราไทยตอบว่า ใช่   ดับในเชิงพลังงาน แต่ไม่ได้หมายถึงดับแล้ว “ไม่ทำงาน”   แต่หมายถึง  “ราหูแสดงอำนาจสูงสุด—เข้ม—รุนแรง—พลิกผัน” ราหูในคราสไม่ได้หายไป แต่  ทำงานแรงที่สุดในรอบเดือน–ปี เพราะคราสคือช่วงที่ราหู "ได้รับแสง" ของอาทิตย์หรือจันทร์ พลังราหูจะ:  ขยายความผันผวน  ทำให้เหตุการณ์พลิกผัน  กระทบต่อเรือนที่ราหูเป็นเจ้าเรือน กระทบต่อดาวที่สัมผัสคราส เช่น อาทิตย์–จันทร์

 การเกิดจันทรคราสตามภาพดวง  

เงื่อนไขสำคัญ:  อาทิตย์–จันทร์ตรงข้ามกัน 180°   ดาวจันทร์ เพ็ญ  จันทร์อยู่ใกล้จุดเกตุมาก (ภายใน Zone ≤ 15°)  ถือว่าเกิด “จันทรคราส” แบบสมบูรณ์ คราสนี้ย้ำแรงราหู–เกตุในดวงกำเนิดของเด็กคนนี้อย่างมาก

ผลต่อดวงชาตา   ตำราบูรพาจารย์กล่าวไว้ชัดเจนว่า “ผู้ใดเกิดในคราส ย่อมมีชีวิตผูกพันกับการเปลี่ยนแปลงใหญ่  มีสิ่งที่คาดไม่ถึงในวาสนา ทั้งดีและร้ายกว้างขวางกว่าคนทั่วไป” 

 ผลต่อบุคลิกและชะตาชีวิต

  1. ชีวิตพลิกผันมากกว่าคนทั่วไป  เด่นเรื่องการโยกย้าย เปลี่ยนถิ่นฐาน เปลี่ยนงาน–เส้นทางชีวิต
  2. มีลางสังหรณ์–ทางสายลึกลับแรง (เพราะจันทร์–เกตุสัมพันธ์กัน)
  3. จิตใจอ่อนไหวเป็นพิเศษ รับพลังราหูได้ง่าย
  4. บุญ–บาปแรง ทำสิ่งใดมักได้ผลสุดขั้ว

 ผลต่อด้านจิตใจ  อารมณ์แปรปรวนเป็นช่วง ๆ  มีความลับลึกในใจ มีความคิดแบบ “สองขั้ว” Strong duality ผลต่อเรือนที่จันทร์สถิต 

ให้ดูว่า จันทร์ในดวงอยู่เรือนใด เรือนนั้นจะเป็นเรื่องพลิกผันที่สุดในชีวิต ตัวอย่างเช่น

  • เรือนพันธุ  บ้าน–ครอบครัวไม่ปกติ
  • เรือนกัมมะ → งานเปลี่ยนแรงกว่าปกติ
  • เรือนลาภะ → ลาภแบบพลิกฟื้น–พลิกหาย

 ผลต่อเรือนของอาทิตย์ (เพราะเป็นดาวคู่คราส)

เรื่องที่อาทิตย์เป็นเจ้าเรือนจะ “โดนคราส” ด้วย เช่น

  • บิดา
  • การงาน
  • ความมั่นคง
  • เกียรติยศ

 จันทรคราสให้ผลนานแค่ไหน?

ตำราไทย–อินเดียสอดคล้องกันว่า  คราสกำเนิดให้ผลตลอดชีวิต   และ  คราสจรให้ผลเฉลี่ย 6 เดือน – 1 ปี

 คำพยากรณ์ 

“เจ้าชาตาเกิดในคราสพระจันทร์ จันทร์เสวยอุบายแห่งราหู–เกตุ  ชีวิตมีวิถีพลิกผันไปจากสามัญชน หาเป็นทางราบมิได้   ต้องด้วยเหตุอยู่นอกคาด บางคราวร้ายแรง บางคราวพ้นภัยฉับพลัน มีญาณสังหรณ์รู้เหตุในอนาคต ชะตาชีวิตผูกกับการโยกย้ายบ้านเรือน–ที่อยู่–การงานไม่อยู่กับที่ หากประกอบกรรมดี ย่อมได้ลาภฟื้นใหญ่โดยคาดไม่ถึง หากหลงผิด ย่อมเสียหายฉับพลันเพราะอำนาจราหู”

  คำว่า “จุดราหูหรือจุดเกตุมากพอ ที่จะทำให้เกิดคราส” หมายถึงอะไร  หมายถึง  อาทิตย์–จันทร์ อยู่ใกล้ Node ในวงโคจร “ไม่เกิน 15°” กล่าวคือดาวอาทิตย์ ดาวจันทร อยู่ห่างจากดาวราหู ไม่เกิน ๑๕ องศา  ซึ่งถือว่า “มากพอจะทำให้เกิดคราส หรือให้ฤทธิ์แบบคราส”  ในตำราไทยเรียกว่า  “เกาะราหู–เกาะเกตุ” “เข้าเงาราหู–เกตุ” “เข้าเขตคราส”

เมื่อเกิดสุริยคราส หรือจันทรคราส ดาวราหู (๘) “ดับ” ไหม  ตำราไทยถือว่า ดาวราหู(๘) ไม่ดับ แต่ที่ว่า  “ราหูดับ” หมายถึง เมื่อ อาทิตย์–จันทร์ เกาะราหู หรือเกาะเกตุ  ราหูถูก “แสงอาทิตย์กลบ” เป็นภาวะที่ พลังราหูรุนแรงขึ้นในทางลึก (ด้านมืด, อารมณ์, ความลับ)  แต่ “คุณภาพดาวราหู” เปลี่ยนเป็นแบบ ให้โทษมากกว่าให้คุณ  โดยเฉพาะในดวงชาตาที่ราหูเป็น เจ้าเรือนอริ  เจ้าเรือนมรณะ  เจ้าเรือนวินาสน์  ผลต่อดวงชาตาโดยรวม  เรื่องลับ เรื่องหลบ เรื่องซ่อน มักถูกเปิดเผย เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่แบบรวดเร็ว เหตุการณ์ “พลิกผัน” หรือ  unexpected  

หากราหูเป็นธาตุชั้น ๑–๒   อาจให้คุณในเรื่องการเปลี่ยนเส้นทางชีวิต หากเป็นธาตุชั้น ๔  มักให้โทษด้านชื่อเสียง สุขภาพ การเงิน และมิตรภาพ

ประโยคว่า “อาทิตย์–จันทร์เข้าใกล้ Node ระยะที่ทำให้เกิดอิทธิพล” หมายถึง หมายถึงว่า  แม้ ไม่เกิดคราสจริง แต่ถ้าอาทิตย์–จันทร์  เข้าใกล้จุดราหู–เกตุภายใน 15°  ก็ถือว่าเกิด “แรงคราส” (Eclipse Influence)  ซึ่งส่งผลต่อการทำนายดังนี้  ให้ดูว่า Node  ของดาวราหู(๘) ดาวอาทิติย์(๑) ดาวจันทร์(๒) อยู่ภพใด → เรื่องภพนั้นโดนแรงคราส เรื่องนั้นจะเกิด “จุดหัก เหตุฉับพลัน การเริ่มใหม่ การจบแบบกระทันหัน”  ภาษาตำราเรียกว่า  “เข้าเงาคราส” “คราสกระทบดวง” 

อิทธิพลต่อดวงชาตา เมื่อตำแหน่งกำเนิดมีคราส จะให้ผลดังนี้:    ถ้าเป็น สุริยคราสในดวงกำเนิด   เด่นด้าน “เปลี่ยนชะตาอย่างรุนแรง”   ชีวิตมีเหตุพลิกผันแรงตั้งแต่เด็กหรือในช่วงวัยต้น    มีชะตาแบบ แตกหัก Break-down สูง   มักเป็นคนมี “แรงฉุดจากภายใน” ตัดสินใจครั้งใหญ่โดยไม่ย้อนกลับ    ชีวิตมักไม่ราบเรียบ มีเหตุสำคัญทุกครั้งที่ราหูจรถึงอาทิตย์–จันทร์  ถ้าเป็น จันทรคราสในดวงกำเนิด  ขึ้นลงด้านอารมณ์ ความสัมพันธ์ ครอบครัว   มีพรสวรรค์ด้านจิตวิญญาณ/ลางสังหรณ์   ปรับตัวเก่ง แต่ไม่ชอบสภาพนิ่งนาน ๆ

ดวงตัวอย่างการเกิดคราส

 ในภาพดวง “เกิดสุริยคราส”  

ข้อมูลจากภาพแรก (ดวงกำเนิด วันที่ 9 เมษายน 2567 ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ “กุมกันสนิท”  เกิด อมาวสี ทั้งคู่ อยู่ในราศีมีน/เมษ ใกล้จุดราหู (หรือเกตุ) ระยะห่างจาก Node อยู่ในช่วง “คราสโซน”   ถือว่าเป็น ดวงเกิดสุริยคราส (Solar Eclipse Birth) 

ผลทางโหราศาสตร์ไทย–ร่วมสมัย

  1. เจ้าชะตาชีวิตเปลี่ยนแปลงแรง ตั้งแต่ต้นชีวิต (ราหู = เงา   เกิดการปิดแสงอาทิตย์)
  2. มีชะตาแบบทาง ๒ แพร่ง ตัดสินใจครั้งใหญ่แล้วชีวิตเปลี่ยน
  3. พลังของดาวอาทิตย์ในดวงติดเงาราหู → ต้องใช้เวลาสร้างตัวมากกว่าคนปกติ แต่เมื่อผ่านวัย 30–36 ปี จะตั้งหลักได้ดี
  4. เป็นดวงที่มีอิทธิพลด้านพลังจิต สัญชาตญาณแรง
  5. ราหูเด่น → ชอบงานลับ งานต่างประเทศ ค้าขายออนไลน์ วิทยาศาสตร์ โหราศาสตร์ การเงินเสี่ยง
  6. หากอาทิตย์ในพื้นดวงเป็นเจ้าเรือนอะไร เรื่องนั้นจะ ถูกพลิกผัน อย่างต่อเนื่องในชีวิตช่วงสำคัญ

“อาทิตย์–จันทร์เข้าใกล้ Node ระยะที่ทำให้เกิดอิทธิพล” หมายความว่า  แม้ ไม่ใช่คราสจริงบนท้องฟ้า แต่ถ้าในดวงชาตา อาทิตย์–จันทร์อยู่ใกล้ราหู/เกตุใน รัศมี ≤ 18° เราถือว่ามี  “อิทธิพลแบบคราส” (Eclipse Influence)

ผลที่เกิด:   เรื่องที่ดาวเจ้าเรือนนั้น ๆ กุม/เล็ง Node จะมีแรง “การสูญเสีย–ลับ–แปรผัน–ตัดสินใจใหญ่” เรียกว่า จุดเปลี่ยนชะตา (Karmic Axis Activation)  พูดง่าย ๆ คือ “ดวงที่เกิดใกล้ราหู–เกตุเกินไป” ชีวิตจะไม่ราบเรียบ มีจังหวะเปลี่ยนแรงหลายช่วง

เมื่อเกิดสุริยคราส / จันทรคราส ดาวราหู (๘) “ดับ” ไหม? และให้ผลอย่างไร?

ราหูไม่ได้ “ดับ” ตามดาราศาสตร์ แต่ในโหราศาสตร์ไทยถือว่า ราหูเป็นตัวแปรสำคัญของคราส   เวลาคราสเกิดในดวงกำเนิดหรือคราสจรมาทับดวงชาตา จะทำให้ราหู:

  กำลังของราหู “เพิ่มขึ้นมาก”

  • เรื่องเปลี่ยนแปลงฉับพลัน
  • การย้ายงาน ย้ายบ้าน เปลี่ยนชีวิต
  • เหตุการณ์พลิกผัน
  • เรื่องลับ เรื่องปิดบัง ความกลัว ความกดดัน

  ถ้าราหูเป็นดาวให้โทษตามดวงเดิม   ผลร้ายแรงขึ้น

โดยเฉพาะ

  • วินาสน์
  • มรณะ
  • อริ

 ถ้าราหูเป็นดาวให้คุณตามดวงเดิม (ธาตุชั้น ๑–๒, เป็นโยคดี)   ผลดีแรงขึ้น

เช่น

  • โอกาสจากต่างชาติ
  • รายได้พิเศษ
  • การเสี่ยงโชค
  • การเปลี่ยนงานแล้วดีขึ้น

ดังนั้นราหู “ดับ” ตามความหมายโหรไทยคือ “ถูกเน้นกำลังและเกิดการพลิกผัน” ไม่ใช่หายไป

  “ดวงเกิดสุริยคราส” ตามหลักโหราศาสตร์ไทย

  ชีวิตจะมี “การเปลี่ยนแปลงใหญ่” หลายช่วง

เพราะคราสคือ

  • จุดเปลี่ยน
  • จุดตัดกรรม
  • เปลี่ยนเส้นทางชีวิต
  • ชีวิตมักไม่ได้ดำเนินแบบราบเรียบ

 อาทิตย์ = ตัวตน / เป้าหมาย → ถูกคราส (ดับแสง)

แปลว่า

  • ชีวิตมีช่วงมืด มองไม่เห็นทาง
  • ต้องเริ่มใหม่หลายครั้ง
  • เป้าหมายเปลี่ยนบ่อย หรือชีวิตไม่เหมือนคนทั่วไป

 จันทร์ = ใจ / ครอบครัว / อารมณ์ → ถูกคราส

  • อ่อนไหว
  • ช่วงวัยเด็ก–หนุ่มสาวมีความกดดันทางใจ
  • ผู้อุปถัมภ์เปลี่ยนหรือไม่แน่นอน

  ราหู (๘) คุมคราส → เพิ่มอำนาจราหู

ราหูทำให้ดวงนี้มี

  • ความสามารถพลิกสถานการณ์
  • เก่งเรื่องลับ เรื่องต่างประเทศ ความเสี่ยง
  • ชีวิตขึ้นเร็ว–ลงเร็ว แต่ขึ้นได้อีก
  • มีโชคจากสิ่งไม่คาดคิด

  ถ้าราหูในดวงเดิมได้ธาตุชั้นดี (๑–๒)

เจ้าชาตาจะ  เด่นด้านเงิน งาน มีโอกาสสำเร็จในต่างถิ่น มีเส้นทางก้าวหน้าแบบไม่ปกติ

 สุริยคราสอยู่ในภพกัมมะ → การงานพลิกผัน แต่ไปไกล

มักพบว่า  งานเปลี่ยนหลายรอบ  ไม่ทำงานปกติทั่วไป  ไปทำงานที่ไม่เหมือนคนอื่น  งานที่เกี่ยวกับต่างประเทศ เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ โหราศาสตร์ การเงิน ความลับ

สรุป   “ดวงเกิดสุริยคราสที่ราหู”   เจ้าชาตาเป็นคนชะตาแรง ชีวิตมีจุดเปลี่ยนใหญ่หลายครั้ง การงาน–ใจ–ครอบครัวมีช่วงพลิกผัน แต่เป็นดวงที่ตกไม่ถึงตาย และมีโอกาสสำเร็จในแบบไม่ปกติ ชีวิตเดินเส้นทางเฉพาะตัว มักเด่นในงานลับ งานต่างประเทศ หรืออาชีพที่ไม่เหมือนคนทั่วไป

 

๔) การอธิบาย “ดวงเกิดสุริยคราส” จากภาพ 

อาทิตย์–จันทร์สถิตเมษภพพันธุ ใกล้ราหู (๘) ภายในระยะที่ก่อคราสจริง เวลาเกิดตรงกับสุริยคราสวันที่ 9 เม.ย. 2567 

แปลตามหลักตำราไทยโบราณ

 ๑) เจ้าชาตาเกิด “ราหูอมอาทิตย์”

ถือเป็นดวง พิเศษมาก  เป็นคนมีชะตาเด่นเพราะเหตุการณ์พลิกผัน   มีชีวิตไม่เรียบ มีเหตุให้ต้องโยกย้าย เปลี่ยนบ้าน เปลี่ยนครอบครัว   ได้ดีเพราะต่างถิ่นต่างแดน   มักโดดเด่นด้านความคิดแปลกใหม่ วิชาเร้นลับ วิชาโหราศาสตร์

  ๒) คราสเกิดใน “ภพพันธุ”

ผล 3 ชั้นคือ

  1. บ้าน–ที่ดิน–ครอบครัวไม่คงที่ → ต้องเปลี่ยนที่อยู่หลายครั้ง
  2. ความสัมพันธ์ญาติพี่น้องซับซ้อน
  3. พ่อแม่หรือผู้ใหญ่ฝ่ายหนึ่งมีชะตาแรง / มีเหตุพลิกผันในชีวิต

  ๓) ราหูทำมุมใกล้จันทร์ → อารมณ์ลึก หนักแน่น ซ่อนโลกส่วนตัว

– ชีวิตด้านจิตใจไม่ธรรมดา มีพลังลึกลับ – เหมาะกับงานโหราศาสตร์ วิทยาศาสตร์ลึก งานต่างชาติ การวิเคราะห์

  ๔) ราหูใกล้อาทิตย์ → ภพพันธุ + ภพกัมมะได้รับผล

– เจ้าชะตามีความทะเยอทะยานสูง – ได้ดีจากงานที่คนอื่นทำไม่ได้ – แต่ต้องระวังช่วงวัยต้น–กลางชีวิต จะเปลี่ยนงานใหญ่ 1–2 ครั้ง

๕) ความหมายประโยคที่ว่า “อาทิตย์–จันทร์เข้าใกล้ Node ระยะที่ทำให้เกิดอิทธิพล”

หมายความว่า: แม้วันเกิดจะไม่ใช่วันคราสเต็มดวง แต่ถ้า อาทิตย์–จันทร์ อยู่ในเขต 0–15° ของราหู–เกตุ ก็ถือว่าได้ อิทธิพลคราส ต่อดวงชะตา

ภาษาตำราเรียกว่า

  • “เข้าเงาคราส”
  • “ถูกคราสแผดกลืน”
  • “ส่องเงาราหู”
  • “ชะตาเปลี่ยนแรง”

๖) บทพยากรณ์แบบตำราไทย 

สำหรับ “ดวงเกิดสุริยคราส – อาทิตย์จันทร์กุมราหู ภพพันธุ”

“อาทิตย์–จันทร์ประดิษฐานในเรือนพันธุ กระทบราหูอม เจ้าชะตาเป็นคนมีชะตาแรง ประสบเหตุใหญ่แต่เยาว์ บ้านเรือนเคยพลิกผัน พลัดพรากจากถิ่นเดิมจึงเจริญกว่าอยู่ที่เดิม วิสัยจิตลุ่มลึก หยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ เป็นผู้เอาเหตุการณ์มาก่อนอารมณ์ มีเหตุให้เปลี่ยนงานหรือที่อยู่อย่างฉับพลันอยู่เสมอ แต่ยามวิบัติก็กลับดี ยามดีมีเหตุให้เปลี่ยน มักได้ลาภจากถิ่นไกล ราหูอมอาทิตย์ ยศศักดิ์มาตามคราว ไม่ยั่งยืน แต่เพิ่มพูนได้อีกเมื่อย้ายเรือน บิดามารดาหรือผู้ใหญ่ฝ่ายหนึ่งมีกรรมแรง แต่ให้คุณแก่เจ้าชะตาในภายหลัง ถ้าประกอบวิชาลี้ลับ โหราศาสตร์ แพทย์ วิทยาศาสตร์ งานต่างแดน จะรุ่งเรืองยิ่ง ยามออกราหูจรทับ–เล็งดาวกำเนิด ชะตาจะพลิกใหญ่หนึ่งครั้ง เป็นผลดีแก่ชะตาโดยรวม”

 

 คำอธิบายแบบ “โหราศาสตร์ไทยร่วมสมัย + หลักดาราศาสตร์” เพื่อให้เข้าใจง่ายและใช้งานได้จริง 

  1) สุริยคราส – จันทร์คราส ต้องมีองศาห่างกันเท่าไร?

ในการเกิด คราส (Eclipse) ทั้ง “สุริยคราส” และ “จันทร์คราส” เงื่อนไขหลักคือ ดวงอาทิตย์–ดวงจันทร์ ต้องอยู่ใกล้ “จุดราหู–จุดเกตุ” (Nodes)

มาตรฐานคือ:

  หากห่างไม่เกิน ± 12° ถึง ± 15° จาก “จุดราหู/เกตุ” → เกิดคราสได้

  • ถ้าใกล้มาก ๆ → คราสสมบูรณ์ (Total)
  • ถ้าไกลออกไปแต่ยังอยู่ในช่วง 12–15° → คราสบางส่วน (Partial)

ในตำราโหราศาสตร์ไทยมักใช้ประมาณ 15° เป็นเกณฑ์ครอบคลุม  ในดาราศาสตร์สากลใช้ประมาณ 12°–13° (เรียกว่า Eclipse Window)

  2) “จุดราหูหรือจุดเกตุมากพอ” หมายถึงห่างกี่องศา?

โหราจารย์ไทยหลายสายใช้เกณฑ์ว่า อาทิตย์–จันทร์ต้องประชิดจุดราหูหรือจุดเกตุ (Nodes) ไม่เกิน 12°–15° จึงเรียกว่า “มากพอ” ที่จะให้เกิดแรงคราส

สรุปให้ชัด:  ภายใน 8° → แรงมาก (คราสใหญ่ / ผลทางโหรแรงสุด)  ภายใน 12° → ให้ผลคราสชัดเจนทั้งดาราศาสตร์–โหราศาสตร์  ภายใน 15° → ยังถือว่า “มากพอ” ให้เกิดคราสได้อยู่

 3) ทำไมต้องใช้ช่วง 12°–15°?

เพราะ: ระนาบโคจรของดวงจันทร์เอียง 5°11′ จากระนาบสุริยวิถี  คราสเกิดได้เฉพาะเมื่อ “อาทิตย์–จันทร์–โลก” อยู่ในแนวเดียวกันใกล้ Node  ดาราศาสตร์คำนวณพบว่าถ้าออกห่างมากกว่า ~15°   ดวงจันทร์ไม่สามารถเล็งอาทิตย์ในระนาบเดียวกันพอที่จะเกิดคราสได้

สรุป   สุริยคราส–จันทร์คราส เกิดเมื่ออาทิตย์–จันทร์อยู่ห่าง “จุดราหู/เกตุ” ไม่เกิน 12–15 องศา   คำว่า “มากพอ” หมายถึงเข้าเขต คราสโซน (Eclipse Window) ซึ่งคือประมาณ ไม่เกิน 15°

๑) สุริยคราส – จันทรคราส เกิดเมื่อดาวอาทิตย์–จันทร์–ราหู เกาะองศากันเท่าไร?

ในทางดาราศาสตร์นั้น สุริยคราสและจันทรคราสจะเกิดเมื่อ ดวงอาทิตย์–ดวงจันทร์ อยู่ใกล้ “จุดราหู–เกตุ” (Nodes) มากพอ โดยมีค่าทางองศาดังนี้

สุริยคราส (Solar Eclipse) เหตุการณ์: อาทิตย์ – จันทร์ – โลก เรียงตัวเส้นตรงเดียวกัน (New Moon)  ต้องอยู่ใกล้ จุดราหู/เกตุ ภายใน ≈ 15° – 18° (ค่ามาตรฐานของ “Eclipse Limit”)

จันทรคราส (Lunar Eclipse) เหตุการณ์: อาทิตย์ – โลก – จันทร์ เรียงตัวเส้นตรงเดียวกัน (Full Moon) ต้องอยู่ใกล้ จุดราหู/เกตุ ภายใน ≈ 10° – 12°

สรุปแบบโหราศาสตร์ไทย

  • สุริยคราส = อาทิตย์–จันทร์–ราหู เกาะกันภายในประมาณ 15°
  • จันทรคราส = อาทิตย์เล็งจันทร์ และอยู่ใกล้ราหู ภายในประมาณ 12°

๒) “จุดราหูหรือจุดเกตุมากพอ” หมายถึงห่างกี่องศา?

ในตำราโหราศาสตร์ไทย จะเรียกว่า

อาทิตย์–จันทร์ “เข้าเกณฑ์คราส” เมื่อเกาะราหูหรือเกตุมากพอ

ถ้าเกาะใกล้มาก (ภายใน 5°)   มักถือเป็น “คราสแรง” ให้ผลเด่นชัด  ถ้าเกาะห่างกว่า 15°   ไม่ถือว่าเป็นคราสตามหลักโหราศาสตร์

๓) เมื่อเกิดสุริยคราสหรือจันทรคราส “ดาวราหูดับไหม?” และให้ผลอย่างไรต่อดวงชาตา

ในโหราศาสตร์ไทย ราหูไม่ได้ดับ เหมือนดาวเสาร์–พฤหัส “พัก–มนธ์–เสริด”  แต่ราหูมีความหมายเฉพาะเมื่อเกิดคราสดังนี้:

 (ก) คราส = พลังราหูเด่นขึ้นมากกว่าปกติ

เนื่องจากคราสเกิดเฉพาะเมื่อดวงอาทิตย์–จันทร์ “ชน Node”  จึงถือว่าพลัง ราหู/เกตุถูกกระตุ้นเต็มที่ ให้ผลดังนี้

ผลด้านร้าย (ถ้าราหู(๘) เป็นธาตุที่ให้โทษในดวงเดิม)

  • เกิดความผันผวนรวดเร็ว
  • ความลับ เรื่องปิดบัง ปัญหาลับ ปะทุขึ้นมา
  • โลกของอารมณ์ปั่นป่วน (โดยเฉพาะจันทรคราส)
  • ผลกระทบด้านการเงินหรือบุคคลที่เป็นตัวแทนราหู
  • เกิดการตัดสินใจเสี่ยง ๆ หรือ “พลิกชีวิตแบบรวดเร็ว”

ผลด้านดี (ถ้าราหูเป็นธาตุให้คุณในดวงเดิม)

  • เปิดโอกาสใหม่จากสิ่งที่ไม่คาดคิด
  • การเดินทางไกล, การย้ายงาน, ย้ายถิ่น
  • ความสำเร็จที่มากับแรงผลักดันหรือการเสี่ยง

 (ข) สุริยคราส = อาทิตย์ดับชั่วคราว   กระทบเรื่อง “อัตตา–ผู้ใหญ่–ตำแหน่ง”

หากคราสเกิดในเรือนกัมมะ  เรื่องงาน มีความเปลี่ยนแปลงใหญ่  ผู้ใหญ่ ผู้บังคับบัญชามีปัญหา หรือย้าย–เปลี่ยน–ออก

ถ้าเกิดในเรือนลัคนา  เจ้าชะตารู้สึกเหมือนเริ่มต้นใหม่ รีเซ็ตชีวิต

 (ค) จันทรคราส = จันทร์ดับชั่วคราว   กระทบเรื่อง “จิตใจ–ครอบครัว–การเงิน” 

  • อารมณ์แปรปรวน
  • ความสัมพันธ์ผันผวน
  • เรื่องในบ้าน–ครอบครัวเกิดการเปลี่ยนแปลงเร็ว
  • ถ้าอยู่ในเรือนการเงิน → รายรับรายจ่ายผันผวนมาก

  สรุป องศาเกิดคราส  สุริยคราส: อาทิตย์–จันทร์เกาะราหู ≤ 15°

ความหมายของคำว่า “อาทิตย์–จันทร์เกาะราหู ≤ 15°”

ในตำราไทยเมื่อพูดว่า “เกาะราหู”, “จุดราหูเข้มแข็ง”, “เข้าใกล้ Node” จะหมายถึง ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เข้าใกล้ตำแหน่งราหู–เกตุ (จุดคราส) ในระยะไม่เกิน ๑๕ องศา  ซึ่งเป็น เขตอิทธิพลของคราส (Eclipse Zone) คือระยะที่ถ้าอาทิตย์–จันทร์เดินเข้าไปแล้ว   จะเกิดผลกระทบทางโหราศาสตร์เหมือน “พลังคราส” ถึงแม้ว่าจะไม่เกิดคราสจริงทุกครั้งก็ตาม

ทำไมใช้ ≤ 15° ?  ในโหราศาสตร์ไทย–อินเดีย ราหู–เกตุคือ จุดคราส (Nodes)  เขตอิทธิพลที่อาทิตย์–จันทร์เข้าใกล้แล้วมีพลังมาก เกือบทุกสำนักใช้ ๙°–๑๕°  ตำราไทยสายครูบาโบราณ เช่น อ.เทพย์–อ.บรรเทา–ตำรามหาทักษา มักใช้ ๑๕° เป็นเกณฑ์อำนาจราหู

ดังนั้น

 “สุริยคราส: อาทิตย์–จันทร์เกาะราหู ≤ 15°” แปลว่า  เมื่อดวงอาทิตย์และดวงจันทร์มารวมกัน (เกิดอมาวสี) และองศารวมอยู่ใกล้ราหูไม่เกิน ๑๕° จะถือว่าเกิดอิทธิพลสุริยคราส แม้ไม่ใช่คราสเต็มก็ตาม แต่ พลังราหูทำงานแรง มาก

จันทรคราส: อาทิตย์เล็งจันทร์และใกล้ราหู ≤ 12° “มากพอ” หมายถึงอะไร? ความห่างจากราหู/เกตุ ไม่เกิน 12–15°

ราหู “ดับ” ไหม? ดาวราหู(๘) ไม่ดับ  แต่ พลังราหูรุนแรงขึ้น ให้ผลแรงทั้งดีและร้าย ขึ้นกับดวงเดิมว่าเป็นธาตุให้คุณหรือให้โทษ “จุดราหูหรือจุดเกตุมากพอ” = ห่างกันกี่องศา?  คำนี้ในภาษาโหราจารย์หมายถึง: อาทิตย์–จันทร์เข้ามาในรัศมีพลังของราหู–เกตุ ไม่เกิน ๑๕°

คือ   ระยะอิทธิพลราหู = ๑๕° ทั้งสองฝั่ง ทั้งสุริยคราสและจันทรคราส

ดังนี้ 0–3° = คราสเข้มที่สุด  3–9° = คราสแรง  9–15° = คราสอ่อน แต่ยังมีผล  15° = ไม่ถือว่าเป็นคราสในเชิงพยากรณ์

 เมื่อเกิดสุริยคราสหรือจันทรคราส “ดาวราหูดับไหม” ตำราไทยไม่ได้ใช้คำว่า "ราหูดับ" แบบที่ดาวถูกเผาโดยอาทิตย์เหมือนดาวอื่น แต่ถือว่า:    เมื่อเกิดคราส ราหู “ทำงานเต็มกำลัง” เพราะคราสคือ “วราฤๅหูทัณฑ์” หรือ เงาราหูกลืนแสง ราหูไม่ดับ  ราหูกลับ แข็งแรงกว่าปกติ  ให้ผลตาม ดาวราหูเดิมในดวงชาตา ว่าเป็นคุณหรือโทษ

หลักพยากรณ์ราหูเมื่อเกิดคราส

  1. ถ้าราหูเป็นดาวให้คุณ (ธาตุชั้น ๑–๒, ได้องค์เกณฑ์) จะเด่นด้านลาภแบบไม่คาดคิด การเปลี่ยนแปลงฉับพลัน ดีขึ้นทันที
  2. ถ้าราหูเป็นโทษ (ธาตุชั้น ๔ หรือสัมพันธ์เสาร์–มฤตยู) ให้ผลเสีย เช่น ความวุ่นวาย การพลิกผัน การสูญเสีย–การหลงผิด–การตัดสินใจผิดพลาด
  3. ตำแหน่งเรือนที่คราสเกิด มีผลมากที่สุด เช่น
    • คราสภพตนุ = เปลี่ยนชีวิตใหญ่
    • คราสภพกัมมะ = เปลี่ยนงาน
    • คราสภพลาภะ = ได้ลาภแบบรวบรัด
    • คราสภพอริ/มรณะ/วินาสน์ = โทษภัย ฟาดเคราะห์

#สนใจสมัครเรียนโหราศาสตร์ไทย อย่างเป็นระบบ ตามระบบธาตุและเรือนชาตา ตามหลักของท่านอาจารย์บรรเทา จันทรศร(ุอุตรภัทร์) อาจารย์ฐิ โหราศาสตร์ไทย นำหลักเคล็ดลับการพยากรณ์ตามหลักระบบธาตุของอาจารย์บรรเทา มาใช้ในการวิเคราะห์ทั้งในดวงชาตาเดิม และดวงชาตาจร ทำให้การพยากรณ์ดวงชาตาเกิดความแม่นยำมากในการพยากรณ์ดวงชาตาเดิมและการพยากรณ์ดวงชาตาจร การเชื่อมโยงระหว่างดวงชาตาเดิมกับดวงชาตาจรทำให้คำพยากรณ์ถูกต้องตามความเป็นจริง รวมทั่งสอนในการนำความรู้ทางด้านโหราศาสตร์ไทยไปใช้ในการให้ฤกษ์อีกด้วย เป็นหลักสูตรเดียวที่เรียนครบทั้งการวิเคราะห์ดวงชาตาเดิม การเชื่อมโนงระหว่างดวงชาตาเดิมกับดวงชาตาจร รวมทั้งการให้ฤกษ์ต่าง ๆ  อาจารย์จะเปิดสอนรุ่นที่ ๒๐ เริ่มเรียนครั้งที่ ๑ วันอาทิตย์ที่ ๒๕มกราคม ๒๕๖๘ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๑.๐๐ น. เรียนจำนวน ๑๐ อาทิตย์ หลังจากจบการสอนในแต่ละสัปดาห์ผู้เรียนจะได้รับบันทึกการสอน(vdo)และเอกสารประกอบการสอนทางอีเมล์ เพื่อใช้ทบทวนการเรียน ทำให้ผู้เรียนสามารถทำความเข้าใจในเนื้อหาที่เรียนได้ดีอย่างเป็นระบบ สนใจสมัครเรียนรุ่นนี้ หรือต้องการตรวจสอบดวงชาตา ให้อินบ๊อก : m.me/arjarnth

Read more

ดาวพลูโต

ดาวพลูโต

ดาวพลูโต (พ) ถือเป็น ดาวเคราะห์นอกระบบเดิม ที่มีอิทธิพลเชิง พลังลึก, การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่, และ การทำลายเพื่อสร้างใหม่ แม้ไม่ได้ใช้ในโหราศาสตร์ไทยโบราณ แต่ปัจจุบันหลายสำนักนำมาใช้ร่วมกับดาวมฤตยู (๐) และเนปจูน (น) เพื่ออธิบายมิติของจิตใต้สำนึ

การเกิดสุริยคราสและจันทรคราส จะส่งผลต่อดวงชาตาอย่างไร

การเกิดสุริยคราสและจันทรคราส จะส่งผลต่อดวงชาตาอย่างไร

การเกิดสุริยุคราส กับจันทรคราส   ให้ผลต่อดวงชาตาอย่างไร  เกณฑ์องศาที่ทำให้เกิด “สุริยคราส–จันทรคราส” ในทางโหราศาสตร์ไทยและสากลกำหนดว่า สุริยคราส (Solar Eclipse) จะเกิดเมื่อ  อาทิตย์ (๑) – จันทร์ (๒) อยู่ร่วมราศี (New Moon)  และ เข้าใกล้ “จุดราหู–จุดเกตุ” (Nodes)

รับสมัครเรียนโหราศาสตร์ไทย ระบบธาตและเรือนชาตา รุ่นที่ ๒๐

รับสมัครเรียนโหราศาสตร์ไทย ระบบธาตและเรือนชาตา รุ่นที่ ๒๐

หลักสูตรโหราศาสตร์ไทย รุ่นที่ ๒๐ โดยอาจารย์ฐิ โหราศาสตร์ ไทย มีรายละเอียดังนี้ ในการเรียนการสอน จะแบ่งออกเป็น ๓ ระดับ คือ ระดับที่ ๑ วิเคราะห์ดวงชาตาเดิม สอนพื ้นฐานโหราศาสตร์ไทย เพื่อนํามาใช้ในการวิเคราะห์ดวงชาตาเดิม โดยใช้ทั้ง ดวงราศีจักรและดวงนวางค์จักร ระดับที่ ๒ วิ

ดาวพระเคราะห์คู่-คู่ครอง-ความรัก กามารมณ์

ดาวพระเคราะห์คู่-คู่ครอง-ความรัก กามารมณ์

ท่านอาจารย์บรรเทา จันทรศร(อุตรภัทร์) ท่านกล่าวว่า เรื่องที่เกี่ยวกับโหราศาสตร์ไทย ที่คนอยากรู้มากที่สุด คือเรื่องคู่ครอง คนรักและกามารมณ์ ท่านอาจารย์ท่านได้นำคำกลอนจากอาจารย์ปู่นวม แห่งวัดสังเวชวิการาม ท่านเป็นโหรยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ตอนต้น